DHA คือตัวช่วยเสริมพัฒนาการชั้นเลิศตั้งแต่ในครรภ์
DHA คือสารอาหารเสริมพัฒนาการลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์
คุณแม่หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินว่า DHA คือสารอาหารที่มีประโยชน์และควรกินเสริมขณะตั้งครรภ์เพื่อให้ DHA บํารุงสมองลูก ซึ่งต้องขอบอกเลยว่า DHA บํารุงสมองลูกน้อยได้เป็นอย่างดีแถมยังช่วยเสริมพัฒนาการของลูกน้อยได้ตั้งแต่อยู่ครรภ์อีกด้วย ในบทความนี้จึงจะพาไปดูกันว่า DHA คนท้องกินตอนไหนถึงจะดีต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูกน้อยมากที่สุด
DHA คือ กรดไขมันจำเป็นที่อยู่ในตระกูลโอเมก้า 3 ที่เป็นโครงสร้างพื้นของเซลล์สมองและเจอประสาทตา โดย DHA นั้นนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เพราะในสมองจะมี DHA อยู่ถึง 40% และในจอประสาทตา 60% เท่ากับว่า DHA เป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างผนังเซลล์สมองและจอประสาทตา
ซึ่งปกติแล้วร่างกายจะไม่สามารถสร้าง DHA ได้เองและจะต้องรับสารอาหารอย่าง DHA ผ่านอาหารเท่านั้น ดังนั้นผู้นำนวัตกรรมสเต็มเซลล์มาตรฐานสากลอย่าง Cryoviva จะขออาสาพาไปดูกันว่าจะสามารถเสริมสารอาหารที่มีประโยชน์อย่าง DHA ได้อย่างไร และส่งผลดีต่อลูกน้อยมากแค่ไหน
DHA คือสารที่บำรุงคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ได้อย่างไร?
Cryoviva ผู้นำนวัตกรรมสเต็มเซลล์มาตรฐานสากลขอบอกเลยว่า DHA คือ สารอาหารที่มีความสำคัญและจำเป็นในการบำรุงคุณแม่และลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เนื่องจาก DHA มีส่วนร่วมในการสร้างเซลล์ในร่างกาย ทั้งสมอง ผิวหนัง และดวงตา และถ้าร่างกายของคุณแม่ได้รับ DHA เพียงพอก็จะช่วยให้อวัยวะต่าง ๆ มีความสมบูรณ์และส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์ด้วยนั่นเอง
ประโยชน์ของ DHA ต่อลูกน้อย
การเสริมสารอาหารอย่าง DHA คือทางเลือกที่ดีมาก ๆ สำหรับลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ของคุณแม่ เนื่องจาก DHA บํารุงสมองและเสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อยได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ รวมถึงมีประโยชน์ต่อร่างกายของลูกน้อยในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
- ช่วยสร้างเซลล์สมอง
- ช่วยพัฒนาการทางด้านสมอง
- ช่วยพัฒนาการทางด้านการมองเห็น
- ช่วยสร้างระบบประสาทต่าง ๆ
- น้ำหนักของลูกน้อยเป็นไปตามเกณฑ์
ซึ่งเมื่อ DHA เข้าสู่สมองของลูกน้อยแล้วก็จะสามารถเสริมการเจริญเติบโตของปลายประสาทเดนไดรต์ (Dendrite) ที่มีหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณและสื่อสารระหว่างเซลล์สมอง ส่งผลให้เด็กที่ได้รับ DHA นั้นมีพัฒนาการไปในทางบวก เช่น
- ความสามารถในการจดจำ
- การแก้ปัญหา
- สติปัญญา
- ทักษะทางภาษา
ประโยชน์ของ DHA ต่อคุณแม่
แน่นอนว่าการเสริมสารอาหารคุณภาพอย่าง DHA คือตัวช่วยบำรุงร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ดีไม่แพ้กับการบำรุงลูกน้อยในครรภ์ แถม DHA ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายของคุณแม่ในด้านต่าง ๆ เช่น
- บำรุงการมองเห็น
- บำรุงหัวใจและหลอดเลือด
- เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน
- ป้องกันภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
- ป้องกันภาวะคลอดก่อนกำหนด
- ลดภาวะซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอด
ส่งต่อ DHA จากแม่สู่ลูกน้อยได้จริงหรือไม่
DHA คือสารอาหารชั้นเลิศที่สามารถพบได้ในน้ำนมของคุณแม่ โดย DHA ที่อยู่ในน้ำนมนั้นจะมาจากอาหารที่คุณแม่เลือกกินนั่นเอง ดังนั้นคุณแม่จึงต้องเตรียมความพร้อมสำหรับการดูแลตนเองขณะตั้งครรภ์ด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์และมีสารอาหารดี ๆ อย่าง DHA ประกอบอยู่ด้วย เพื่อส่งต่อให้กับลูกน้อยในครรภ์และทำให้สารอาหาร DHA บํารุงสมอง บำรุงร่างกาย และเสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อยได้จนลืมตาดูโลกและรับ DHA จากน้ำนมของคุณแม่ต่อไป
DHA คือสารอาหารที่ได้รับจากทางไหนได้บ้าง?
การดูแลตัวเองตอนที่ตั้งครรภ์นั้นเริ่มต้นได้จากการกินอาหารที่ประกอบด้วยสารอาหารสำคัญอย่าง DHA ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงร่างกาย แถม DHA บํารุงสมองลูกน้อยในครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ซึ่ง DHA คือสารที่พบได้ในอาหารหลากหลายชนิดและสามารถนำอาหารเหล่านี้มาปรุงอาหารได้แบบไม่มีเบื่อ นอกจากนี้ก็ยังรับ DHA ได้จากอาหารเสริมอีกด้วย
DHA จากอาหาร
DHA คือสิ่งที่มักจะพบในกลุ่มปลาทะเล แต่อาหารชนิดอื่น ๆ ก็มี DHA ประกอบอยู่ด้วยเช่นกัน โดยคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์สามารถเลือกวัตถุดิบอาหารต่าง ๆ ไปทำเมนูที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการและบำรุงสมองให้กับลูกน้อยในครรภ์ได้เลย ไม่ว่าจะเป็น
- ปลาทูน่า
- ปลาแซลมอน
- ปลาซาร์ดีน
- ปลาแมคเคอเรล
- ปลาเก๋า
- ปลากระพง
- ปลาทู
- ปลาช่อน
- ปลาสวาย
- หอยนางรม
- อะโวคาโด
- เมล็ดแฟลกซ์
- เมล็ดเจีย
- เมล็ดฟักทอง
- งาดำ
- งาขาว
- ถั่วเหลือง
- ไข่
DHA จากอาหารเสริม
นอกจากคุณแม่และลูกน้อยจะรับสารอาหารอย่าง DHA บํารุงสมองจากอาหารทั่วไปได้แล้ว ก็ยังสามารถรับ DHA ได้จากอาหารเสริมได้เหมือนกัน เช่น
- น้ำมันปลา
- น้ำมันสาหร่าย
- Prenatal Vitamins
คุณแม่ควรรับ DHA ในปริมาณเท่าไร?
เมื่อ DHA คือสารอาหารที่สำคัญและมีประโยชน์ต่อทั้งคุณแม่และลูกน้อย เราจึงต้องเสริมสารอาหารชนิดนี้อย่างสม่ำเสมอ และต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมตามระยะเวลาด้วยเช่นกัน ซึ่งคุณแม่ควรรับ DHA ในปริมาณเท่าไร? ไปดูกัน
ปริมาณและระยะเวลาที่ควรได้รับ DHA ขณะตั้งครรภ์
ขณะที่คุณแม่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้นจะสามารถกินอาหารที่มี DHA ประกอบอยู่ด้วยได้ในปริมาณที่แตกต่างกันไปตามช่วงระยะเวลา และคุณแม่ก็สามารถกิน DHA เสริมได้ตั้งแต่ก่อนท้องเลย ซึ่งในแต่ละช่วงจะต้องกิน DHA ในปริมาณดังนี้
- ไตรมาสแรกควรกิน DHA 300 มิลลิกรัมต่อวัน
- ไตรมาส 2 อาจเพิ่มปริมาณ DHA เป็น 400-500 มิลลิกรัมต่อวัน
- ไตรมาส 3 ควรหยุดกิน DHA ก่อนคลอด
ปริมาณและระยะเวลาที่ควรได้รับ DHA หลังคลอด
หลังจากที่คุณแม่คลอดลูกน้อยแล้ว 1-2 เดือน หรือหมดน้ำคาวปลาแล้วก็สามารถกลับมากินอาหารที่มี DHA หลังจากหยุดกินไปในช่วงที่ตั้งครรภ์ไตรมาส 3 ได้เลย ซึ่งคุณแม่ควรจะกิน DHA ในปริมาณดังนี้
- กินอาหารที่มี DHA 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์
- ปริมาณ 1,000-1,500 มิลลิกรัมต่อวัน
ข้อควรระวังในการเสริมสารอาหาร DHA
แม้ว่า DHA คือสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อพัฒนาการและร่างกายของลูกน้อยในหลายด้าน แต่ก็มีข้อควรระวังในการกินอยู่เล็กน้อย เนื่องจาก DHA เป็นน้ำมันจึงจะต้องระวังการกินสารอาหารชนิดนี้ด้วย ซึ่งคุณแม่สามารถทำตามลิสต์นี้ได้เลย
- ในช่วงเดือนแรกหลังจากคลอดลูกที่น้ำนมยังมาไม่คล่องตัว ควรงดการกิน DHA
- หลังจากที่น้ำนมแม่มาคล่องแล้วจะสามารถกลับมากิน DHA ได้
- สามารถกิน DHA ได้ต่อเนื่องตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปี
สารอาหารอื่น ๆ ที่คุณแม่ควรกินขณะตั้งครรภ์
นอกจากสารอาหารคุณภาพดีอย่าง DHA ที่คุณแม่ควรเน้นเพื่อส่งเสริมพัฒนาการและร่างกายของลูกน้อยในครรภ์แล้ว ก็ยังมีสารอาหารอื่น ๆ ที่คุณแม่ควรกินอยู่ด้วย เนื่องจากสารอาหารเหล่านี้จะช่วยเสริมการเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ได้ดีขึ้นไปอีกระดับ ซึ่งจะมีสารอาหารอะไรบ้าง? ไปดูกันเลย
- ไอโอดีน พัฒนาการเติบโตและสมองของลูกน้อย
- ธาตุเหล็ก เสริมการสร้างเม็ดเลือดแดงและป้องกันภาวะโลหิตจาง
- แคลเซียม ช่วยพัฒนาการกระดูก
- โปรตีน เสริมการเจริญเติบโตของร่างกายและสมอง
- กรดโฟลิก เสริมสร้าง DNA ของลูกน้อย
จะเห็นว่า DHA คนท้องกินตอนไหนนั้นมีคำตอบว่าสามารถกินได้ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์จนถึงไตรมาสที่ 2 ซึ่ง DHA คือสารอาหารที่สำคัญและจำเป็นมาก ๆ สำหรับคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ เนื่องจาก DHA บํารุงสมอง ส่งเสริมการเจริญเติบโต และส่งเสริมพัฒนาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นคุณแม่จึงจะควรดูแลตัวเองด้วยการกิน DHA บํารุงสมองลูกน้อยตั้งแต่ในครรภ์จนถึงหลังคลอดไปแล้ว 1 ปี
ขอขอบคุณ นายแพทย์อดิศร อักษรภษิตพงศ์
สูตินรีแพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ประจำโรงพยาบาลพญาไท 3
ที่มอบข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับการเสริมพัฒนาสมองของลูกในครรภ์ด้วย DHAให้กับเรา
“ไครโอวิวา ธนาคารจัดเก็บสเต็มเซลล์
ผู้นำนวัตกรรมมาตรฐานระดับสากล
อยู่เคียงข้างคุณภาพชีวิตของทุกคนในครอบครัว”
ติดต่อผู้เชี่ยวชาญและรับสิทธิพิเศษจากไครโอวิวา