การอัลตราซาวด์ 4 มิติดีอย่างไร ไปดูกัน!
ทำความรู้จักกับการอัลตราซาวด์ 4 มิติ
การอัลตราซาวด์ 4 มิติเป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับการตรวจอัลตราซาวด์ลูกในครรภ์ โดยภาพที่คุณแม่เห็นคือนำภาพอัลตร้าซาวด์ 4 มิติมาเรียงต่อกันให้เป็นภาพเคลื่อนไหวเสมือนจริง ส่งผลให้การซาวด์ท้อง 4 มิติช่วยให้คุณแม่สามารถมองเห็นลูกน้อยในครรภ์ได้อย่างชัดเจนและสมจริงเป็นอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่าการซาวด์ 4 มิตินี้คือตัวช่วยที่มาพร้อมกับนวัตกรรมที่ดีกว่าการอัลตราซาวด์แบบอื่น ๆ
การอัลตราซาวด์ (Ultrasound หรือ Ultrasound Scanning) เป็นวิธีการตรวจร่างกายด้วยการใช้คลื่นเสียงที่มีความถี่สูง และเมื่อคลื่นเสียงความถี่สูงสะท้อนกลับมาสู่เครื่องตรวจก็จะสามารถแปลงมาเป็นรูปภาพเหมือนอย่างที่เราเคยเห็นกัน โดยเฉพาะการอัลตราซาวด์ 4 มิติที่จะสะสมปริมาตรของเสียงสะท้อนจากอุปกรณ์ตรวจวัด จากนั้นจึงแสดงผลเป็นภาพลูกน้อยที่เหมือนจริงมากกว่าการอัลตราซาวด์แบบ 3 มิติ หรือ 2 มิติ
เรียกได้ว่าการศึกษาเกี่ยวกับซาวด์ท้อง 4 มิติหรือภาพอัลตร้าซาวด์ 4 มิติจะช่วยให้คุณแม่สามารถวางแผนการตั้งครรภ์ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงการวางแผนจัดเก็บสเต็มเซลล์กับลูกตั้งแต่แรกคลอด เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์มากมายของการอัลตราซาวด์ 4 มิติ
นอกจากการวางแผนการเก็บสเต็มเซลล์แล้ว อีกหนึ่งอย่างที่คุณแม่ควรวางแผนและศึกษาไว้ล่วงหน้าก็คือการอัลตราซาวด์ 4 มิติที่จะช่วยคุณแม่เห็นภาพอัลตร้าซาวด์ 4 มิติของลูกน้อยในครรภ์อย่างสมจริง และแน่นอนว่าการซาวด์ 4 มิติจะมาพร้อมกับประโยชน์มากมายที่พร้อมทำให้คุณแม่พึงพอใจ ไม่ว่าจะเป็น
- รู้จำนวนทารกในครรภ์
- รู้อายุครรภ์ที่ชัดเจน
- รู้ตำแหน่งของรก
- รู้ปริมาณน้ำคร่ำ
- รู้น้ำหนักของทารกในครรภ์
- รู้ความสมบูรณ์ของทารกในครรภ์
- รู้เพศของทารกในครรภ์
- คุณแม่จะมองเห็นใบหน้า แขน ขา และส่วนอื่น ๆ ของลูกได้ชัดเจน
- คุณแม่จะมองเห็นพฤติกรรมของลูกน้อยขณะอยู่ในครรภ์
การทำงานของอัลตราซาวด์ 4 มิติ
อีกหนึ่งสิ่งที่คุณแม่เตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ควรรู้ก็คือการทำงานของอัลตราซาวด์ 4 มิติว่ามีขั้นตอนในการอัลตราซาวด์อย่างไรบ้าง? ถึงสามารถทำให้มองเห็นลูกภายในครรภ์ของคุณแม่ได้แบบมีมิติสมจริงมาก ๆ ซึ่งขั้นตอนการอัลตราซาวด์แบบ 4 มิติมีดังนี้
- คุณหมอจะใช้อุปกรณ์สำหรับทำการตรวจอัลตราซาวด์มาตรวจจับบริเวณหน้าท้องของคุณแม่
- อุปกรณ์สำหรับทำการตรวจอัลตราซาวด์จะส่งคลื่นเสียงความถี่สูงไปยังมดลูก
- คลื่นเสียงความถี่สูงจะส่งผ่านทารกในครรภ์และสะท้อนกลับมายังหัวของอุปกรณ์สำหรับทำการตรวจอัลตราซาวด์
- อุปกรณ์สำหรับทำการตรวจอัลตราซาวด์จะเก็บข้อมูลที่ได้จากการสะท้อนกลับของคลื่นเสียงและส่งผลลัพธ์ต่อไปยังหน้าจอ
- คุณแม่จะเห็นการเคลื่อนไหวของลูกน้อยภายในครรภ์ผ่านทางหน้าจออย่างชัดเจน
อายุครรภ์ที่เหมาะสมกับการอัลตราซาวด์ 4 มิติ
สำหรับคุณแม่ที่กำลังศึกษาว่าควรจะทำอัลตราซาวด์ 4 มิติในช่วงไหนของการตั้งครรภ์ดี? ในหัวข้อนี้จะพาไปดูกันว่าคุณแม่ควรจะมาตรวจอัลตราซาวด์ในขณะที่อายุครรภ์อยู่ในช่วงไหนจึงจะเหมาะสมมากที่สุด
โดยทั่วไปแล้วการตรวจอัลตราซาวด์จะสามารถทำได้ตั้งแต่คุณแม่มีอายุครรภ์อยู่ในช่วงสัปดาห์ที่ 19 – 24 ของการตั้งครรภ์ แต่การตรวจอัลตราซาวด์แบบ 4 มิติจะเหมาะสมกับอายุครรภ์ตั้งแต่ 27 – 32 สัปดาห์ เพราะในช่วงสัปดาห์ที่ 24 ขึ้นไป จะมีโอกาสได้เห็นหน้าลูกน้อยได้ชัดเจนมากกว่า ซึ่งรายละเอียดของการตรวจอัลตราซาวด์ในแต่ละช่วงก็จะแตกต่างกันออกไป ดังนี้
อายุครรภ์ 11 – 13 สัปดาห์
-
- ตรวจอวัยวะของลูกน้อย
- ตรวจดาวน์ซินโดรม
อายุครรภ์ 18 – 24 สัปดาห์
-
- ตรวจโครงสร้างอวัยวะภายนอก
- ตรวจเพศของลูกน้อย
- ตรวจความสมบูรณ์ของอวัยวะภายใน
- ตรวจตำแหน่งรกและน้ำคร่ำ
อายุครรภ์ 24 สัปดาห์ ขึ้นไป
-
- ตรวจการเติบโตของลูกน้อยจากน้ำหนักตัว
- ตรวจความสมบูรณ์ของรก
- ตรวจปริมาณน้ำคร่ำ
อย่างไรก็ตามการตรวจอัลตราซาวด์ตั้งแต่อายุครรภ์ยังไม่เยอะมาก จะช่วยให้คุณหมอสามารถมองเห็นร่างกายของทารกได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น ซึ่งคุณแม่ท่านไหนที่สนใจตรวจอัลตราซาวด์แบบ 4 มิติควรปรึกษาคุณหมอให้เร็วที่สุด เพื่อให้คุณหมอแนะนำการตรวจอัลตราซาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความแตกต่างของการอัลตราซาวด์ 4 มิติและแบบอื่น ๆ
ก่อนที่จะมีนวัตกรรมอย่างการตรวจอัลตราซาวด์ 4 มิตินั้น แน่นอนว่าจะต้องมีการตรวจอัลตราซาวด์ 3 มิติ และ 2 มิติมาก่อน โดยแต่ละแบบจะมีรูปแบบของการมองเห็นลูกน้อยในครรภ์ที่แตกต่างกันออกไป ในหัวข้อนี้จะพาไปดูกันว่าการตรวจอัลตราซาวด์แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันได้เลย
ตรวจอัลตราซาวด์ 2 มิติ
การอัลตราซาวด์ 2 มิติจะเป็นการดูลูกในครรภ์แบบภาพสีขาวดำ และการอัลตราซาวด์ 2 มิติจะทำให้คุณแม่มองเห็นลูกน้อยด้วยภาพที่มีความชัดเจนค่อนข้างน้อย แต่ก็สามารถมองเห็นว่าลูกในครรภ์เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งประโยชน์ของการอัลตราซาวด์ 2 มิติก็มีอยู่หลากหลายข้อ ดังนี้
-
- เห็นการเจริญเติบโต
- เห็นการเต้นของหัวใจ
- เห็นตำแหน่งของรก
- รู้เพศของลูกน้อย
- รู้ความสมบูรณ์ของอวัยวะต่าง ๆ
ตรวจอัลตราซาวด์ 3 มิติ
การตรวจอัลตราซาวด์ 3 มิติจะมีนวัตกรรมที่พัฒนามาจากการอัลตราซาวด์ 2 มิติ และมีความซับซ้อนมากกว่าจากการแสดงความกว้าง ความสูง และความลึกของลูกน้อย ทำให้คุณแม่สามารถเห็นลูกน้อยในครรภ์ได้อย่างละเอียดและชัดเจนมากกว่าการอัลตราซาวด์ 2 มิติ และที่สำคัญประโยชน์ของการตรวจอัลตราซาวด์ 3 มิติก็จะมีมากกว่าการตรวจอัลตราซาวด์ 2 มิติ ดังนี้
-
- ได้ภาพพื้นผิวของลูกน้อย
- เห็นรูปร่างหรือรูปทรงของลูกเหมือนจริงมากขึ้น
- เห็นใบหน้าและรายละเอียดชัดเจน
- สามารถคาดการณ์หน้าตาของลูกน้อยได้
ตรวจอัลตราซาวด์ 4 มิติ
การอัลตราซาวด์ 4 มิติจะมีความคล้ายคลึงกับอัลตราซาวด์ 3 มิติมากที่สุด แต่อัลตราซาวด์ 4 มิติจะสามารถเก็บบันทึกภาพมาเป็นภาพเคลื่อนไหวเรียงต่อกันจนคล้ายกับวิดีโอ และทำให้คุณแม่ได้เห็นว่าลูกน้อยกำลังทำอะไรอยู่ เช่น กำลังยิ้ม กำลังหาว หรือดูดนิ้ว ก็จะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนจากภาพอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ
ซึ่งประโยชน์ที่โดดเด่นมาก ๆ จากการอัลตราซาวด์แบบ 4 มิติที่คุณแม่จะได้รับนั่นก็คือสามารถมองเห็นลูกในครรภ์ได้เสมือนจริงมากกว่าการอัลตราซาวด์ 3 มิติหรือ 2 มิตินั่นเอง เพราะการอัลตราซาวด์แบบ 4 มิติจะมาพร้อมกับ…
-
- บันทึกเป็นภาพเคลื่อนไหว
- เห็นพฤติกรรมทั้งหมดของลูกน้อย ไม่ว่าจะยิ้มหรือหัวเราะ
- ภาพมีความชัดสมจริงมากที่สุด
การเตรียมตัวก่อนอัลตราซาวด์ลูกน้อย
การเตรียมตัวก่อนอัลตราซาวด์ลูกน้อยนั้น คุณแม่จะต้องเตรียมตัวเพียงไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น และขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนอัลตราซาวด์ลูกน้อยก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย รับรองว่าไม่มีความซับซ้อนหรือยุ่งยากแน่นอน ซึ่งคุณแม่ควรจะเตรียมตัวตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
เตรียมเอกสารให้ครบ
การอัลตราซาวด์ลูกน้อยแบบ 4 มิติจะต้องเตรียมเอกสารสำคัญอย่างสมุดฝากครรภ์ให้พร้อม เพราะสมุดฝากครรภ์จะใช้สำหรับบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
-
- ข้อมูลสุขภาพของคุณแม่
- ข้อมูลสุขภาพของลูก
และสมุดฝากครรภ์จะทำให้คุณหมอสามารถอ่านประวัติของคุณแม่และลูกในครรภ์จากการฝากครรภ์ครั้งก่อน ๆ ได้อย่างสะดวก รวมถึงนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำตามคำแนะนำของคุณหมอ
เมื่อคุณแม่จะอัลตราซาวด์ลูกน้อยแบบ 4 มิติคุณหมอก็จะให้คำแนะนำที่ควรทำก่อนมาอัลตราซาวด์แบบ 4 มิติ โดยทั่วไปแล้วคุณหมอจะให้รับประทานอาหารและดื่มน้ำได้ตามปกติเลย
ซึ่งในส่วนของการอัลตราซาวด์แบบ 4 มิติคุณแม่จะต้องดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5 – 2 ลิตร เป็นอย่างน้อยก่อนการตรวจอัลตราซาวด์ 4 มิติ 1 สัปดาห์ เพื่อที่จะทำให้ปริมาณน้ำคร่ำเพียงพอต่อการมองเห็นหน้าของลูกน้อยในครรภ์ได้ชัดเจน
แต่งตัวให้เหมาะสมกับการอัตราซาวด์
การแต่งกายของคุณแม่ที่จะมาทำการอัลตราซาวด์แบบ 4 มิติจะต้องเป็นเสื้อผ้าที่มาพร้อมกับสบาย และเสื้อกับกางเกงกรือกระโปรงจะต้องเป็นคนละชิ้นกัน เพื่อให้คุณหมอสามารถเปิดหน้าท้องของคุณแม่และทำการอัลตราซาวด์แบบ 4 มิติได้อย่างง่ายดาย
ดื่มน้ำให้เพียงพอก่อนทำอัตราซาวด์
คุณแม่ที่อายุครรภ์อยู่ในระหว่าง 3 เดือนแรก ควรจะดื่มน้ำก่อนทำอัตราซาวด์ประมาณ 2-3 แก้ว ก่อนเวลาตรวจ 30 – 60 นาที เพื่อที่คุณหมอจะสามารถมองเห็นมดลูกและรังไข่ได้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งหลังจากอายุครรภ์เกิน 3 เดือนไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำก่อนอัตราซาวด์อีกต่อไป เพราะมดลูกจะมีขนาดใหญ่เพียงพอต่อการอัตราซาวด์ดูลูกน้อยแล้วนั่นเอง
เรียกได้ว่าการทำอัลตราซาวด์ 4 มิตินั้น จะทำให้คุณแม่สามารถมองเห็นลูกน้อยในครรภ์จากภาพอัลตร้าซาวด์ 4 มิติที่มีความเหมือนจริงมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นความลึก ความกว้าง หรือความสูงการซาวด์ท้อง 4 มิติก็สามารถมอบให้คุณแม่ได้ ดังนั้นจึงนับว่าการซาวด์ 4 มิติคือนวัตกรรมที่ช่วยให้ครอบครัวได้เริ่มสานความผูกพันกันตั้งแต่ลูกน้อยยังอยู่ในครรภ์ของคุณแม่ได้อย่างแท้จริง
ขอขอบคุณ แพทย์หญิง ลินลดา วิจักขณ์อุรุโรจน์
สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ ประจำโรงพยาบาลพญาไท 3
ที่มอบข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับการอัลตราซาวด์ 4 มิติให้กับเรา
“ไครโอวิวา ธนาคารจัดเก็บสเต็มเซลล์
ผู้นำนวัตกรรมมาตรฐานระดับสากล
อยู่เคียงข้างคุณภาพชีวิตของทุกคนในครอบครัว”
ติดต่อผู้เชี่ยวชาญและรับสิทธิพิเศษจากไครโอวิวา