ข้อห้ามหลังฉีดสเต็มเซลล์เพื่อการฟื้นฟูที่ดีที่สุด
คำแนะนำหลังฉีด-อาการหลังฉีดสเต็มเซลล์
ข้อห้ามหลังฉีดสเต็มเซลล์ คำแนะนำเพื่อการฟื้นตัวอย่างปลอดภัยมีอะไรบ้าง?… ใครที่กำลังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการฉีดสเต็มเซลล์ผลข้างเคียงต่าง ๆ รวมถึงอาการหลังฉีดสเต็มเซลล์ ในบทความนี้ Cryoviva ขอพาทุกคนไปคลายข้อสังเกตในเรื่องเหล่านี้ พร้อม ๆ กันด้านล่างนี้
แต่ก่อนที่จะไปรู้ถึงคำแนะนำหลังฉีดการฉีดสเต็มเซลล์ อาการและข้อห้ามหลังฉีดสเต็มเซลล์กันนั้น เราขออธิบายคุณสมบัติที่โดดเด่นของสเต็มเซลล์ในด้านการรักษาโรคและฟื้นฟูความเสื่อมในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งคุณสมบัติที่โดดเด่นของสเต็มเซลล์ มีดังนี้
✔ สามารถแบ่งตัวได้อย่างไม่จำกัด เจริญเติบโตไปเป็นเนื้อเยื่อใหม่
✔ ครอบคลุมการรักษาและโรคที่เกิดจากความเสื่อมได้มากกว่า 85 กลุ่มโรค เช่น กลุ่มโรคที่เกิดจากความเสื่อมของระบบประสาทและสมอง, กลุ่มโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเลือด หรือกลุ่มโรคที่เกิดจากความเสื่อมอื่น ๆ รวมถึงการใช้เพื่อเสริมความงาม
✔ สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์และเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ถูกทำลายหรือเสื่อมสภาพได้ เช่น เซลล์เม็ดเลือด เซลล์ผิวหนัง หรือเซลล์เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เป็นต้น
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ การฟื้นฟูและรักษาโรคจากความเสื่อมต่าง ๆ จากสเต็มเซลล์ จึงถือเป็นทางเลือกใหม่ที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ คำแนะนำหลังฉีดการฉีดสเต็มเซลล์ อาการและข้อห้ามหลังฉีดสเต็มเซลล์ เพราะสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษากลุ่มโรคร้ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งของตัวคุณเองและคนที่คุณรักได้อย่างดี
การใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาโรคและฟื้นฟูสุขภาพ โดยการฉีดสเต็มเซลล์นั้นมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งสเต็มเซลล์จากแหล่งกำเนิดที่ต่างกันก็จะรักษาความเสื่อมจากโรคและการนำไปใช้ได้แตกต่างกัน
✔ สเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือ (Cord Blood HSCs)
ฟื้นฟูกลุ่มโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเลือด รวมถึงโรคอื่น ๆ สามารถนำไปใช้รักษาได้ทั้งกับตนเอง และพี่น้องที่มีเนื้อเยื่อตรงกัน 4 ใน 6 ตำแหน่ง
-
- กลุ่มโรคมะเร็งเม็ดเลือดทุกชนิด
- กลุ่มโรคไขกระดูกผิดปกติ
- โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- โรคจากความผิดปกติของการสร้างเม็ดเลือดแดง
- โรคจากความผิดปกติของระบบเผาผลาญอาหาร เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคโลหิตจาง หรือโรคธาลัสซีเมีย เป็นต้น
✔ สเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อสายสะดือ (Cord Tissue MSCs)
ฟื้นฟูและรักษากลุ่มโรคที่เกิดจากความเสื่อม สามารถนำไปใช้รักษาได้กับทุกคนในครอบครัว
-
- โรคอัลไซเมอร์
- โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- โรคเบาหวาน
- โรคแพ้ภูมิตัวเอง
- โรคเสื่อมสมรรถภาพ
- โรคกระดูกและข้อ
- เสริมความงาม ลดริ้วรอย เป็นต้น
✔ สเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อหุ้มรก (Amniotic Membrane MSCs)
ฟื้นฟูกลุ่มโรคที่เกิดจากความเสื่อมของระบบประสาทและสมองต่าง ๆ สามารถใช้รักษาได้กับทุกคนในครอบครัว
-
- กลุ่มโรคที่เกิดจากระบบประสาท เช่น โรคหลอดเลือดในสมองตีบ, โรคพาร์กินสัน หรือโรคออทิสติก เป็นต้น
- กลุ่มโรคที่เกิดจากความเสื่อม เช่น โรครูมาตอยด์, โรคสะเก็ดเงิน, โรคอัลไซเมอร์ หรือโรคเบาหวาน เป็นต้น
✔ สเต็มเซลล์เนื้อเยื่อไขมัน (Adipose MSCs)
ฟื้นฟูและรักษากลุ่มโรคที่เกิดจากความเสื่อม สามารถนำไปใช้รักษาได้กับเจ้าของสเต็มเซลล์เพียงคนเดียวเท่านั้น
-
- โรคแพ้ภูมิตัวเอง
- โรคกระดูกและข้อ
- เสริมความงาม ลดริ้วรอย เป็นต้น
ถึงแม้สเต็มเซลล์จะสามารถรักษาและฟื้นฟูโรคต่าง ๆ ได้หลากหลาย แต่เมื่อนำไปฉีดเข้าสู่ร่างกายเสำหรับฟื้นฟูแล้ว ผู้ที่ได้รับการรักษาล้วนต้องดูแลตนเองอย่างดี ควรระมัดระวังในเรื่องของข้อห้ามหลังฉีดสเต็มเซลล์ตามที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ เพื่อไม่ให้เกิดอาการหลังฉีดสเต็มเซลล์
แน่นอนว่าหลังฉีดสเต็มเซลล์ผลข้างเคียงต่าง ๆ ที่ตามมาอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคคล แต่ไม่ได้มีความรุนแรง ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น
- ผู้เข้ารับการรักษาอาจมีรอยช้ำบริเวณที่ฉีดสเต็มเซลล์
- ผู้เข้ารับการรักษาอาจมีอาการบวมบริเวณที่ฉีดสเต็มเซลล์
- ผู้เข้ารับการรักษาอาจรู้สึกเจ็บหรือรู้สึกไม่สบายบริเวณที่สเต็มเซลล์
- ผู้เข้ารับการรักษาอาจมีอาการอ่อนเพลีย และอาจมีอากาปวดศีรษะ ซึ่งอาจเกิดจากปฏิกิริยาต่อยาสลบ
- ผู้เข้ารับการรักษาอาจมีไข้ต่ำ ๆ หลังฉีด ซึ่งมักเป็นสัญญาณของการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของร่างกาย
โดยอาการหลังฉีดสเต็มเซลล์ผลข้างเคียงข้างต้น มักจะบรรเทาลงภายในสองสามวันถึงหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้นผู้เข้ารับการรักษาด้วยการฉีดสเต็มเซลล์จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำและข้อห้ามหลังฉีดสเต็มเซลล์อย่างเคร่งครัด แต่หากอาการเหล่านี้ยังคงอยู่หรือแย่ลง สิ่งสำคัญคือต้องพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการประเมินอาการและหาสาเหตุแนวทางเพื่อรักษาเพิ่มเติม
ข้อห้ามก่อนฉีดสเต็มเซลล์และข้อห้ามหลังฉีดสเต็มเซลล์
หลังจากที่ได้รู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของสเต็มเซลล์ที่ใช้รักษาและฟื้นฟูโรคจากแหล่งกำเนิดต่าง ๆ รวมถึงอาการข้างเคียงหลังฉีดสเต็มเซลล์กันไปแล้ว เราขออธิบายเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำแนะนำก่อนฉีดสเต็มเซลล์และข้อห้ามหลังฉีดสเต็มเซลล์เพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ที่เข้ารับการรักษาโดยการฉีดสเต็มเซลล์ รวมถึงผู้ที่กำลังตัดสินใจเกี่ยวกับการฉีดสเต็มเซลล์ สามารถเตรียมความพร้อมได้อย่างปลอดภัย
หลังจากเข้ารับการบำบัดด้วยการฉีดสเต็มเซลล์แล้ว สิ่งสำคัญคือต้องจัดลำดับความสำคัญของการฟื้นฟูตนเองและหลีกเลี่ยงข้อห้ามหลังฉีดสเต็มเซลล์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วการรักษาด้วยสเต็มเซลล์จะปลอดภัย แต่ก็มีข้อควรระวังก่อนฉีดและข้อห้ามหลังฉีดสเต็มเซลล์บางอย่างที่ควรปฏิบัติตาม ซึ่งการฟื้นฟูร่างกายด้วยวิธีที่เหมาะสมสามารถส่งเสริมการฟื้นตัวได้อย่างดี นอกจากนี้ การรับประทานอาหารเสริมบางชนิดก็สามารถช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้เร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย
ข้อห้ามก่อนเข้ารับการรักษาโดยการฉีดสเต็มเซลล์
ก่อนเข้ารับการบำบัดด้วยการฉีดสเต็มเซลล์ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจถึงข้อควรระวังก่อนฉีดสเต็มเซลล์และข้อห้ามหลังฉีดสเต็มเซลล์ โดยข้อต่อไปนี้คือข้อห้ามก่อนเข้ารับการรักษาโดยการฉีดสเต็มเซลล์
-
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอประมาณ 8-12 ชม. ต่อวัน
- ก่อนให้เซลล์ประมาณ 3 วัน ลดอาหารมันและอาหารทอด
- ก่อนให้เซลล์ประมาณ 7 วัน อย่าทานยาต้านการอักเสบใด ๆ เช่น แอสไพริน, Motrin, Advil, Aleve หรือ Naprosyn
- ก่อนให้เซลล์ประมาณ 1-2 วัน ควรดื่มน้ำให้ได้มากที่สุด หรือประมาณ 2 ลิตรต่อวัน
- หากใช้ยาละลายลิ่มเลือด ให้แจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้งก่อนรับเซลล์
- หากมีประวัติแพทย์อาหารหรือแพ้ยา ให้แจ้งแพทย์ทุกครั้งก่อนรับเซลล์
ข้อห้ามหลังเข้ารับการรักษาโดยการฉีดสเต็มเซลล์
เมื่อเข้ารับการบำบัดด้วยการฉีดสเต็มเซลล์แล้ว แพทย์จะมีข้อปฏิบัติและข้อห้ามหลังฉีดสเต็มเซลล์เพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าการฟื้นตัวของผู้เข้ารับการรักษาจะหายเป็นอย่างดี โดยที่ไม่มีอาการหลังฉีดสเต็มเซลล์เรื้อรัง ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงยาบางชนิดที่อาจรบกวนกระบวนการรักษา เช่น ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) และสเตียรอยด์ ยาเหล่านี้อาจรบกวนการตอบสนองต่อการรักษาตามธรรมชาติของร่างกาย และอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของการรักษาด้วยสเต็มเซลล์
-
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอประมาณ 8-12 ชม. ต่อวัน
- หลังให้เซลล์ประมาณ 2 วัน งดกีฬาที่ต้องอยู่กลางแจ้ง
- หลังให้เซลล์ประมาณ 3 วัน ลดอาหารมันและอาหารทอด
- หลังให้เซลล์ไม่ควรเดินทางไปในสถานที่ที่เสี่ยงต่อการรับเชื้อโรค
- หลังให้เซลล์ควรดื่มน้ำเปล่าให้มากที่สุด
- ลดกิจกรรมที่มีแรงกระแทกสูงและการออกกำลังกายที่หนักเกินไป
ในบางกรณีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาจแนะนำอาจมีการแนะนำให้ผู้ที่เข้ารับการรักษาด้วยการฉีดสเต็มเซลล์ออกกำลังกายแบบเฉพาะอย่าง เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถฟื้นตัวหลังการฉีดสเต็มเซลล์ ซึ่งจะเน้นไปที่การออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ เช่น การเดิน ปั่นจักรยาน และว่ายน้ำ เนื่องจากกิจกรรมเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังบริเวณที่ฉีดสเต็มเซลล์ได้
การบำบัดด้วยการฉีดสเต็มเซลล์ควรนัดติดตามผลกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อติดตามความคืบหน้าและหารือเกี่ยวกับข้อกังวลหรือข้อสงสัย เนื่องจากสิ่งสำคัญคือต้องระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
การฉีดสเต็มเซลล์เหมาะกับใครบ้าง?
การพิจารณาว่าใครเหมาะสมสำหรับการฉีดสเต็มเซลล์อาจเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน เนื่องจากขึ้นอยู่กับปัจจัยหลากหลายประการ รวมถึงสุขภาพโดยรวมของผู้ที่ต้องการเข้ารับการฉีดสเต็มเซลล์ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ประวัติทางการแพทย์ อาการเฉพาะที่กำลังรักษาอยู่ หรือปัจจัยอื่น ๆ โดยผู้ที่ได้รับการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรียบร้อยแล้ว ควรระมัดระวังในเรื่องของข้อห้ามหลังฉีดสเต็มเซลล์ตามที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำอย่างเคร่งครัด ซึ่งผู้ที่เหมาะสำหรับการบำบัดด้วยการฉีดสเต็มเซลล์สามารถแบ่งได้ ดังนี้
1. ผู้ที่มีอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและกระดูก
การฉีดสเต็มเซลล์สามารถใช้รักษาอาการบาดเจ็บได้หลากหลาย รวมถึงเอ็นฉีกขาด เส้นเอ็นที่เสียหาย และโรคข้อเข่าเสื่อม เนื่องจากสเต็มเซลล์สามารถเปลี่ยนไปเป็นเนื้อเยื่อใหม่แล้วเข้าไปทดแทน ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายได้
2. ผู้ที่มีภูมิต้านทานผิดปกติ:
สเต็มเซลล์มีประโยชน์ในการรักษาโรคภูมิต้านทานผิดปกติบางอย่าง เช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งและโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ซึ่งการบำบัดด้วยสเต็มเซลล์นี้สามารถช่วยปรับระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบได้
3. ผู้ป่วยโรคจากความเสื่อม
เนื่องจากสเต็มเซลล์สามารถแบ่งตัวได้อย่างไม่จำกัดและยังสามารถทดแทนเนื้อเยื่อที่เสียหายได้ จึงใช้ฟื้นฟูและรักษาโรคที่เกิดจากความเสื่อมได้ เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน และโรคจอประสาทตาเสื่อม เป็นต้น
4. ผู้ป่วยมะเร็ง
การฉีดสเต็มเซลล์สามารถใช้ในการฟื้นฟูมะเร็งบางชนิดได้ เช่น การปลูกถ่ายไขกระดูก โดยสเต็มเซลล์จากผู้บริจาคสามารถนำมาใช้เพื่อทดแทนไขกระดูกที่เสียหายและช่วยฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันของผู้เข้ารับการรักษาด้วยการฉีดสเต็มเซลล์ได้อย่างดี
5. ผู้ป่วยโรคหัวใจ
การบำบัดรักษาด้วยการฉีดสเต็มเซลล์อาจใช้รักษาโรคหัวใจบางประเภท อย่าง ภาวะหัวใจล้มเหลวได้ ซึ่งอาจใช้สเต็มเซลล์เพื่อสร้างเนื้อเยื่อหัวใจที่เสียหายขึ้นใหม่และปรับปรุงการทำงานของหัวใจโดยรวม
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อปฏิบัติและข้อห้ามหลังฉีดสเต็มเซลล์หลังการรักษาจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอาการหลังฉีดสเต็มเซลล์เรื้อรังได้ ซึ่งก่อนที่จะเข้ารับการรักษาด้วยการฉีดสเต็มเซลล์ควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ก่อนเสมอเพื่อพิจารณาว่าแต่ละครเหมาะสมสำหรับการรักษาด้วยสเต็มเซลล์หรือไม่ และเพื่อหารือเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากนี้การบำบัดด้วยสเต็มเซลล์ยังสามารถช่วยปรับปรุงสภาวะสุขภาพผิวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความงามได้อีกด้วย เนื่องจากช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์ใหม่
✔ ปรับปรุงความยืดหยุ่นของผิว
กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ลดการปรากฏของรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย
✔ ลดการสร้างเม็ดสี
ลดรอยดำและจุดด่างดำโดยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวใหม่และลดการอักเสบ
✔ ลดการอักเสบของผิว
ด้วยคุณสมบัติของสเต็มเซลล์ที่สามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ จึงสามารถต้านการอักเสบบริเวณผิวหนังได้เช่นกัน
✔ เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
เซลล์ต้นกำเนิดอาจช่วยปรับปรุงความชุ่มชื้นของผิวและลดความแห้งกร้านได้อย่างดี เพราะจะเข้าไปกระตุ้นการผลิตสาร Hyaluronic Acid ภายในร่างกาย
เคล็ดลับเพิ่มคุณภาพของสเต็มเซลล์ให้แข็งแรง
สำหรับใครที่กำลังวางแผนจัดเก็บสเต็มเซลล์อยู่นั้น สามารถบำรุงสเต็มเซลล์ภายในร่างกายให้มีความแข็งแรงได้ง่าย ๆ ก่อนเข้ารับการฉีดสเต็มเซลล์ ด้วยการ ลด ละ เลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสื่อมโทรมของร่างกายและให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำและข้อห้ามหลังฉีดสเต็มเซลล์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด ซึ่งวันนี้ธนาคารจัดเก็บสเต็มเซลล์ที่เป็นผู้นำด้านมาตรฐานระดับสากล อย่าง Cryoviva ได้รวบรวมอาหารที่ช่วยบำรุงสเต็มเซลล์ให้แข็งแรงมาไว้ให้แล้วด้านล่างนี้ ซึ่งจะมีอาหารอะไรบ้าง ตามไปอ่านเพิ่มเติมกันได้เลย
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี
มีวิตามินซี แร่ธาตุ และใยอาหารสูง รวมถึงมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่หลายชนิด สามารถช่วยบำรุงร่างกาย ลดความเครียด ลดความเสี่ยงที่เซลล์จะเกิดความผิดปกติจนก่อให้เกิดเป็นเซลล์มะเร็ง นอกจากนี้ยังมีฟลาโวนอยด์ช่วยซ่อมแซมสเต็มเซลล์ได้อีกด้วย
บรอกโคลี
ผักสารพัดประโยชน์ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ซึ่งมาพร้อมสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ ชะลอความเหี่ยวย่นที่เกิดจากความเสื่อมได้อย่างดี
ขิง
สมุนไพรที่อุดมไปด้วยวิตามิน เอ บี ซี และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย อย่าง เบตาแคโรทีน ธาตุเหล็ก แคลเซียม และฟอสฟอรัส มาพร้อมสรรพคุณช่วยในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ และช่วยกระตุ้นเอนไซม์กลูตาไธโนเอส-ทรานสเฟอรเรส
เห็ด
ในเห็ดไมตาเกะ เห็ดคริมมินิ เห็ดกระดุมสีน้ำตาล เห็ดนางรม และเห็ดกระดุมสีขาว มีสรรพคุณที่ช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็ง และต่อต้านการอักเสบของเซลล์ในร่างกาย รวมถึงยังช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายให้ทำงานอย่างสมดุล
ปลาทะเลและอาหารทะเล
แหล่งรวมโอเมก้า 3 ชั้นดี สามารถช่วยบำรุงสุขภาพผิว บำรุงหัวใจและหลอดเลือด มีฤทธิ์ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ทั้งยังสามารถลดการอักเสบของเซลล์ที่อาจนำไปสู่การเกิดเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย
การบำรุงสุขภาพเซลล์ในร่างกายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยส่งเสริมสมรรถภาพและป้องกันการเสียหายของเซลล์ได้อย่างดี จะเห็นได้ว่าอาหารที่เพิ่มคุณภาพสำหรับสเต็มเซลล์ ล้วนประกอบไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลากหลาย ซึ่งสามารถได้รับจากการบริโภคผักและผลไม้สด โปรตีนจากเนื้อสัตว์ และไขมันที่ดี ซึ่งการบำรุงสุขภาพเซลล์หรือสเต็มเซลล์ด้วยอาหารที่เพิ่มคุณภาพจะช่วยให้ร่างกายมีสมรรถภาพและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงได้มากยิ่งขึ้น
เรียกได้ว่าบทความนี้มาพร้อมข้อมูลดี ๆ สำหรับการฉีดสเต็มเซลล์เพื่อการรักษาโรคและฟื้นฟูความเสื่อมในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย Cryoviva หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะมีประโยชน์และช่วยให้ผู้ที่สนใจเข้ารับการบำบัดด้วยการฉีดสเต็มเซลล์มีความเข้าใจและรู้จักการดูแลตัวเองหลังการฉีดอย่างถูกต้องและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีความระมัดระวังในเรื่องของข้อห้ามหลังฉีดสเต็มเซลล์ตามที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ เพื่อไม่ให้เกิดอาการหลังฉีดสเต็มเซลล์ที่รุนแรงจากการฉีดสเต็มเซลล์ผลข้างเคียงต่าง ๆ และเพื่อความปลอดภัยในการฟื้นฟูและรักษาโรคอย่างมากที่สุด
“ไครโอวิวา ธนาคารจัดเก็บสเต็มเซลล์
ผู้นำนวัตกรรมมาตรฐานระดับสากล
อยู่เคียงข้างคุณภาพชีวิตของทุกคนในครอบครัว”
ติดต่อผู้เชี่ยวชาญและรับสิทธิพิเศษจากไครโอวิวา