Medical Blog

การดูแลหญิงตั้งครรภ์และลูกน้อยให้สุขภาพดี

การดูแลหญิงตั้งครรภ์ให้มีสุขภาพดี

การดูแลหญิงตั้งครรภ์ให้มีสุขภาพที่ดีทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์

 

การดูแลหญิงตั้งครรภ์ หรือการดูแลคนท้องให้มีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในระหว่างตั้งครรภ์นั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก ๆ  โดยแนวทางการปฏิบัติเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีนี้มักเรียกกันทั่ว ๆ ไปว่าการตั้งครรภ์คุณภาพ ซึ่งก็คือการที่คุณแม่ตั้งครรภ์มีการดูแลตนเองขณะตั้งครรภ์ เพื่อให้สามารถตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัย แข็งแรงทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์

 

การจัดลำดับความสำคัญของสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในการดูแลหญิงตั้งครรภ์ สามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดี ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และนำไปสู่การพัฒนาสุขภาพที่ดีของลูกน้อยในครรภ์ได้ดีที่สุด

 

สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์คนไหนที่สงสัยว่าจะสามารถดูแลครรภ์ของตนเองได้อย่างไรบ้างนั้น ในวันนี้ผู้นำนวัตกรรมสเต็มเซลล์มาตรฐานสากล อย่าง Cryoviva จะขอพาทุกท่านไปพบกับสาระน่ารู้ในการดูแลคนท้องและเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ง่าย ๆ จาก “นพ.ทวีศักดิ์ หาญพาณิชเจริญ แพทย์เฉพาะทางสาขาด้านสูติ-นรีเวช โรงพยาบาลพญาไท 3” พร้อม ๆ กันผ่านบทความนี้

 

เตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์เพื่อการดูแลหญิงตั้งครรภ์ให้มีสุขภาพดี

 

ก่อนที่จะเริ่มต้นตั้งครรภ์ การเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ให้พร้อมและเหมาะสมเพื่อให้มั่นใจว่าจะมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีนั้น ถือเป็นสิ่งที่คุณแม่มือใหม่หลาย ๆ คนไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว เพราะการเตรียมความพร้อมอย่างดีเกี่ยวข้องกับเรื่องการดูแลหญิงตั้งครรภ์ให้มีสุขภาพดีในอนาคต โดยการเตรียมความพร้อมสำหรับคุณแม่มือใหม่นั้น คือตรวจหาและจัดการปัญหาสุขภาพหรือความผิดปกติที่อาจส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์หรือมีความเสี่ยงในระหว่างตั้งครรภ์ เนื่องจากในผู้หญิงบางกลุ่มอาจต้องตรวจร่างกายเพื่อหาความผิดปกติเพิ่มเติม เช่น… 

 

  • เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
  • ประจำเดือนมามากผิดปกติ
  • ผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป
  • เนื้องอก
  • ถุงน้ำรังไข่เป็นช็อกโกแลตซีสต์

 

โดยคุณแม่มือใหม่หลาย ๆ คน สามารถอ่านรายละเอียดของกลุ่มที่จำเป็นต้องตรวจร่างกายเพื่อหาสิ่งผิดปกติเพื่อเตรียมพร้อมก่อนตั้งครรภ์ได้ที่ด้านล่างนี้

 

เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด

ผู้หญิงที่มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ เช่น เลือดออกระหว่างมีประจำเดือน หลังมีเพศสัมพันธ์ หรือภาวะเลือดออกช่องคลอดหลังหมดประจำเดือน ควรเข้ารับการตรวจกับสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุต่าง ๆ และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม เนื่องจากอาจเป็นผลกระทบจาก ติ่งเนื้อในมดลูก ความผิดปกติของปากมดลูก ความไม่สมดุลของฮอร์โมน หรือแม้แต่มะเร็งปากมดลูกหรือเยื่อบุโพรงมดลูก

 

ประจำเดือนมามากผิดปกติ 

ผู้หญิงที่มีรอบเดือนมากผิดปกติ หรือประจำเดือนมาไม่บ่อย ควรปรึกษากับสูตินรีแพทย์ก่อนเริ่มต้นตั้งครรภ์ เนื่องจากประจำเดือนที่มามากผิดปกติอาจเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ หรือภาวะต่าง ๆ เช่น ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) ซึ่งการจัดการปัญหาเหล่านี้ล่วงหน้าก่อนจะเริ่มต้นตั้งครรภ์ล้วนเกี่ยวข้องกับการดูแลหญิงตั้งครรภ์ให้มีสุขภาพดีในอนาคต

 

ผู้หญิงอายุมากกว่า 35 ปี

ผู้หญิงที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปอาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ เนื่องจากการเป็นคุณแม่เมื่อมีอายุมากนั้นมีโอกาสสูงที่ลูกน้อยในครรภ์จะเกิดความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น ดาวน์ซินโดรม เช่นเดียวกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์และความดันโลหิตสูง จึงขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูตินรีเวชก่อนตั้งครรภ์และประเมินทางการแพทย์อย่างละเอียดเพื่อประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและพัฒนาแผนที่เหมาะสมสำหรับการตั้งครรภ์และการดูแลตนเองขณะตั้งครรภ์ให้แข็งแรง

 

เนื้องอก

ผู้หญิงที่มีประวัติเกี่ยวกับการเป็นเนื้องอก เช่น เนื้องอกในมดลูกหรือซีสต์รังไข่ ควรเข้ารับการตรวจร่างกายเพื่อประเมินลักษณะและขนาดของเนื้องอกก่อนการตั้งครรภ์ สำหรับตัวเลือกการรักษาอาจรวมถึงการผ่าตัดออกและการติดตามผลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าเนื้องอกนี้จะไม่รบกวนการตั้งครรภ์ หรือก่อให้เกิดความเสี่ยงในระหว่างตั้งครรภ์ ทั้งนี้ตัวเลือกของการรักษาจะขึ้นอยู่กับขนาดของเนื้องอกที่ตรวจพบ

 

ถุงน้ำรังไข่เป็นช็อกโกแลตซีสต์ 

ซีสต์รังไข่ โดยเฉพาะ Endometriomas หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อช็อกโกแลตซีสต์ อาจส่งผลต่อตั้งครรภ์และเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ได้ ซีสต์เหล่านี้มักเกี่ยวข้องกับโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ซึ่งการประเมินทางการแพทย์และการรักษาที่เหมาะสม เช่น การผ่าตัดผ่านกล้อง อาจเป็นวิธีการรักษาที่เหมาะสมเพื่อใช้จัดการกับซีสต์

 

ซึ่งสิ่งสำคัญสำหรับผู้หญิงที่กำลังเตรียมตัวเป็นคุณแม่มือใหม่นั้น คือต้องสังเกตว่าความผิดปกติของผู้หญิงแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน และการประเมินทางการแพทย์อย่างครอบคลุมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง สามารถช่วยคลายความกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพเหล่านี้ลงได้ เนื่องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะมีการวางแผนเพื่อการรักษาอย่างเหมาะสม และวางแผนเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมการตั้งครรภ์ที่ดีต่อสุขภาพนั่นเอง

 

รับมือกับอาการแพ้ท้องที่คุณแม่มือใหม่ต้องเจอช่วงตั้งครรภ์

 

เมื่อมีอาการแพ้ท้องเล็กน้อยถึงปานกลางในระหว่างตั้งครรภ์ แน่นอนว่าการดูแลหญิงตั้งครรภ์ให้มีสุขภาพดีด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมจะสามารถช่วยบรรเทาอาการและส่งเสริมการย่อยอาหารให้ดีขึ้นได้ ซึ่งวิธีดูแลคนท้องโดยการรับมือกับอาการแพ้ท้องให้อยู่หมัด มีดังนี้…

 

รับประทานอาหารมื้อเล็กลงและบ่อยขึ้น

การดูแลหญิงตั้งครรภ์โดยการกินอาหารในแต่ละมื้อน้อยลงและบ่อยขึ้นแทนที่จะกินมื้อใหญ่ 3 มื้อ สามารถป้องกันไม่ให้คุณแม่ตั้งครรภ์ท้องอิ่มเกินไป ทั้งยังสามารถลดโอกาสท้องอืดและการเกิดแก๊สในกระเพาะที่มากเกินไปได้อีกด้วย เรียกได้ว่าการรับประทานอาหารแต่ละมื้อเพียงครึ่งเดียวจากการรับประทานแบบปกติยังช่วยป้องกันอาการไม่สบายท้อง รวมถึงอาการแพ้ท้องที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างดี

 

หลีกเลี่ยงอาหารทอดและมัน

อาหารทอดโดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูงจะย่อยยากขึ้นและอาจทำให้อาการแพ้ท้องรุนแรงมากขึ้น เช่นเดียวกับอาหารที่ปรุงด้วยกะทิ หรือครีมข้นอื่น ๆ ในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้รู้สึกหนักท้องและคลื่นไส้ได้ง่ายขึ้น จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารประเภทนี้ในช่วงที่มีอาการแพ้ท้อง

 

เลือกอาหารที่ย่อยง่าย

เลือกรับประทานอาหารเบา ๆ ที่ย่อยง่าย และอ่อนโยนต่อกระเพาะอาหาร เช่น อาหารจำพวกโปรตีนไม่ติดมัน อย่าง เนื้อไก่ เนื้อปลา ธัญพืชไม่ขัดสี และผักนึ่ง เป็นต้น  ตัวเลือกของอาหารเหล่านี้สามารถให้สารอาหารที่จำเป็นในขณะที่ลดความเสี่ยงของอาการไม่สบายท้องและอาการแพ้ท้องได้

 

เลือกผลไม้เพื่อเพิ่มความอิ่ม 

การใส่ผลไม้เข้าไปในอาหาร หรือเลือกรับประทานผลไม้หลังมื้ออาหาร สามารถช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์รู้สึกอิ่มได้โดยที่ไม่ต้องรับประทานอาหารมื้อหลักมากเกินไป เนื่องจากผลไม้มักอุดมไปด้วยไฟเบอร์ กากใยต่าง ๆ ที่มีส่วนช่วยในการย่อยอาหารและป้องกันอาการท้องอืด นอกจากนี้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับการตั้งครรภ์ที่แข็งแรง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเลือกรับประทานผลไม้เป็นทางเลือกของการดูแลตนเองขณะตั้งครรภ์ให้แข็งแรงอีกทางหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม

 

ดื่มน้ำให้เพียงพอ

การดื่มน้ำให้เพียงพออย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในระหว่างที่คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้อย่างดี แต่ก็ควรระมัดระวังไม่ให้ดื่มน้ำมากเกินไประหว่างมื้ออาหาร เพราะอาจทำให้รู้สึกอิ่มและท้องอืดจนมีอาการแพ้ท้องตามมาได้

 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นปัจจัยที่กระตุ้นอาการแพ้ท้องของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป ซึ่งหากคุณแม่ตั้งครรภ์รู้แล้วว่าอาหารชนิดไหนที่กระตุ้นหรือทำให้อาการแพ้ท้องแย่ลง ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารเหล่านั้นไปเลยเพื่อป้องกันอาการแพ้ท้องอย่างหนักที่อาจเกิดขึ้น  

 

รับมือกับอาการท้องผูกที่อาจเกิดขึ้นได้บ่อยในช่วงตั้งครรภ์

 

การดูแลหญิงตั้งครรภ์ในระหว่างตั้งครรภ์มีความเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและมดลูกที่มีการขยายใหญ่ขึ้นไปกดทับลำไส้ใหญ่ที่นำไปสู่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของอาการท้องผูก ซึ่งการรับมือกับอาการท้องผูกที่เกิดขึ้นนี้สามารถทำได้โดยการเลือกรับประทานผลไม้ต่าง ๆ เช่น…

 

ผลไม้ที่อุดมไปด้วยใยอาหาร 

การดูแลหญิงตั้งครรภ์ในระหว่างตั้งครรภ์โดยการรับประทานผลไม้ที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ เช่น มะละกอสุก ส้ม และสับปะรด สามารถช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ ผลไม้เหล่านี้อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร ซึ่งใยอาหารเหล่านี้สามารถเพิ่มปริมาณอุจจาระและส่งเสริมการเคลื่อนไหวของลำไส้ได้อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้การรับประทานผลไม้ทั้งลูกแทนที่จะดื่มน้ำผลไม้เพียงอย่างเดียว จะช่วยให้ได้รับใยอาหารมากขึ้นอีกด้วย

 

เลือกรับประทานกล้วยสลับกับมะขามหวาน

แม้ว่ากล้วยจะมีคุณค่าทางโภชนาการแต่บางครั้งอาจทำให้ท้องผูกได้ จึงขอแนะนำว่าควรสลับการรับประทานกล้วยกับผลไม้อื่น ๆ เช่น มะขามหวาน เนื่องจากมะขามหวานทำหน้าที่เป็นยาระบายตามธรรมชาติ

 

ดื่มน้ำลูกพรุนเพื่อการขับถ่ายที่ปกติ

การดูแลหญิงตั้งครรภ์ในระหว่างตั้งครรภ์โดยการดื่มน้ำลูกพรุน สามารถบรรเทาอาการท้องผูกในระหว่างตั้งครรภ์ได้อย่างดี ทั้งนี้การดื่มน้ำลูกพรุนสามารถช่วยให้อุจจาระนิ่มลงและช่วยให้ขับถ่ายเป็นปกติ แต่น้ำลูกพรุนไม่เหมาะกับคนที่เป็นเบาหวาน เนื่องจากมีน้ำตาลธรรมชาติอยู่ในตัว

 

อย่างไรก็ตาม อาการท้องผูกสามารถนำไปสู่การเกิดโรคริดสีดวงทวารในระหว่างการตั้งครรภ์ได้ ดังนั้น เพื่อป้องกันการเกิดริดสีดวงทวาร ควรจัดการกับอาการท้องผูกอย่างเหมาะสม โดยการดื่มน้ำให้เพียงพอ การออกกำลังกายเป็นประจำ และการรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผลไม้ ผัก และธัญพืชไม่ขัดสีอย่างเป็นประจำ 

 

รับมือกับอาการกรดไหลย้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ในคุณแม่ตั้งครรภ์

 

คนทั่วไปจากหลอดอาหารลงมาที่กระเพาะอาหารจะมีกล้ามเนื้อหูรูดรัดเพื่อป้องกันไม่ให้กรดย้อนขึ้นไปที่หลอดอาหาร แต่ในคุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่แล้วกล้ามเนื้อหูรูดนี้จะเปิดเล็กน้อย เพราะฉะนั้นเวลาย่อยอาหารกรดจะไหลย้อนขึ้นไปเล็กน้อยได้ เมื่อกรดที่กำลังย่อยอยู่ในกระเพาะอาหารย้อนขึ้นไปและไปค้างอยู่ที่หลอดอาหารเป็นเวลานาน อาจทำให้เยื่อบุของหลอดอาหารอักเสบ หรือเกิดเป็นโรคกรดไหลย้อน

 

ดังนั้น การดูแลหญิงตั้งครรภ์เพื่อป้องกันอาการกรดไหลย้อน สามารถทำได้โดยการหลีกเลี่ยงการนอนในทันทีและอยู่ในท่านั่งอย่างน้อย 30 นาที เพราะสามารถลดโอกาสของการเกิดอาการกรดไหลย้อนได้ ทั้งนี้ การอยู่ในท่านั่งหลังตรงระหว่างรับประทานอาหารยังช่วยให้กระเพาะของคุณแม่ตั้งครรภ์มีเวลามากขึ้นสำหรับอาหารที่จะเคลื่อนผ่านระบบย่อยอาหาร

 

วิธีตรวจเช็กความผิดปกติของทารกในครรภ์ด้วยตัวคุณแม่เอง

 

การดูแลหญิงตั้งครรภ์ หรือการดูแลคนท้องให้มีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในระหว่างการตั้งครรภ์เป็นวิธีที่จะช่วยให้คุณแม่สามารถมั่นใจได้ว่าลูกน้อยในครรภ์จะมีความเป็นอยู่ที่ดีจนกว่าจะถึงเวลาคลอด ซึ่งการที่คุณแม่ตั้งครรภ์รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของลูกน้อยในครรภ์ก็ถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความเป็นอยู่ที่ดีของลูกน้อยได้ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์คนไหนที่อยากเช็กความเป็นอยู่ของลูกน้อยในครรภ์ด้วยตนเองนั้น  Cryoviva ผู้นำนวัตกรรมสเต็มเซลล์มาตรฐานสากล ได้รวบรวมวิธีตรวจเช็กความผิดปกติของทารกในครรภ์จาก แพทย์เฉพาะทางสาขาด้านสูติ-นรีเวชมาฝากคุณแม่แล้วที่นี่ 

 

เช็กจากระยะเวลาที่ลูกน้อยในครรภ์เคลื่อนไหวและเงียบสงบ เป็นเรื่องปกติที่ลูกน้อยในครรภ์จะมีช่วงเวลาที่เคลื่อนไหวและเงียบสงบ โดยเฉลี่ยแล้วลูกน้อยในครรภ์อาจเคลื่อนไหวประมาณ 10-15 นาที เมื่อเหนื่อยแล้วก็จะหลับไป รูปแบบการเคลื่อนไหวนี้สามารถพบได้หลายครั้งภายใน 1 ชั่วโมงและเกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง

 

เช็กจากการประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์ผ่านการเคลื่อนไหวที่สม่ำเสมอ การเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์อย่างสม่ำเสมอและสม่ำเสมอ มักบ่งบอกถึงสุขภาพของลูกในครรภ์ ซึ่งหากคุณแม่ตั้งครรภ์รู้สึกว่าลูกน้อยของคุณดิ้น เตะ หรือเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ นั่นก็แสดงว่าลูกน้อยมีความเป็นอยู่ที่ดี

 

บางครั้งกิจวัตรที่ยุ่งของคุณแม่ตั้งครรภ์ อย่างการทำงานหรือการทำธุระ อาจทำให้มองข้ามหรือลืมสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของลูกน้อยในครรภ์ไป และหากคุณแม่มีความกังวลหรือต้องการตรวจสอบความเป็นอยู่ของลูกน้อยในครรภ์เมื่อนึกขึ้นได้ สามารถที่จะลองปลุกลูกน้อยเบา ๆ โดยการลูบหน้าท้องหรือถูท้องเพื่อปลุกลูกน้อยดูก็ได้ เพราะโดยปกติแล้วทารกน้อยในครรภ์จะตอบสนองต่อสิ่งเร้าเหล่านี้และเริ่มเคลื่อนไหว นอกจากนี้หากคุณแม่ตั้งครรภ์สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่สม่ำเสมอหลังการกระตุ้น นั่นเท่ากับว่าสามารถมั่นใจเกี่ยวกับสุขภาพของลูกน้อยในครรภ์ได้เลยว่าลูกน้อยมีความเป็นอยู่ที่ดีอย่างแน่นอน

 

แต่หากคุณแม่เช็กตามวิธีข้างต้นแล้วและยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของลูกน้อยในครรภ์ สามารถเดินทางไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อขอคำแนะนำต่าง ๆ ในเรื่องของการดูแลตนเองขณะตั้งครรภ์ หรือดูแลคนท้องเพิ่มเติมได้เสมอ เนื่องจากสูตินรีแพทย์จะมีเครื่องมือและเทคนิคในการประเมินความเป็นอยู่ที่ดีของทารกเพิ่มเติม โดยอาจมีการสแกนอัลตราซาวนด์ หรือการตรวจ Doppler เพื่อประเมินสุขภาพของลูกน้อยในครรภ์เพื่อทำให้คุณแม่สามารถสบายใจได้


เมื่อทำตามวิธีการดูแลหญิงตั้งครรภ์ให้มีสุขภาพที่ดีทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์เหล่านี้แล้ว คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถมั่นใจและคลายความกังวลใจเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของลูกน้อยไปได้เลย ที่สำคัญทาง Cryoviva ขอขอบคุณ นพ.ทวีศักดิ์ หาญพาณิชเจริญ แพทย์เฉพาะทางสาขาด้านสูติ-นรีเวช โรงพยาบาลพญาไท 3 เป็นอย่างสูงที่ได้แนะนำข้อมูลสาระดี ๆ เกี่ยวกับการดูแลตนเองขณะตั้งครรภ์ หรือดูแลคนท้องให้มีสุขภาพที่ดีมาบอกต่อแก่คุณแม่ตั้งครรภ์ทุก ๆ คน โดยทางเราหวังว่าบทความการดูแลหญิงตั้งครรภ์และลูกน้อยให้สุขภาพดีบทความนี้จะช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ได้ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น ซึ่งในครั้งหน้าทาง Cryoviva จะกลับมาพร้อมสาระดี ๆ ในเรื่องไหนอีกนั้น บอกเลยว่าติดตามการอัปเดตต่าง ๆ ได้ที่หน้าเว็บไซต์ของเราได้เลย

นพ.ทวีศักดิ์ หาญพาณิชเจริญ
นพ.ทวีศักดิ์ หาญพาณิชเจริญ

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความคุณหมอ : ไขข้อข้องใจให้ว่าที่คุณแม่! หลังย้ายตัวอ่อนต้องงดเดิน ให้นอนติดเตียงจริงหรือไม่?

ไขข้อข้องใจให้ว่าที่คุณแม่! หลังย้ายตัวอ่อนต้องงดเดิน ใ […]

0 comments

9 ยาที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรระวัง เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย

9 ยาที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรระวัง เพื่อความปลอดภัยของลูกน้ […]

0 comments

รวม ‘ปริมาณของวิตามิน’ ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับในแต่ละวัน

คลายข้อสงสัย คุณแม่ควรรับ ‘ปริมาณของวิตามิน’ จำนวนเท่าไ […]

0 comments

See other

“ไครโอวิวา ธนาคารจัดเก็บสเต็มเซลล์
ผู้นำนวัตกรรมมาตรฐานระดับสากล
อยู่เคียงข้างคุณภาพชีวิตของทุกคนในครอบครัว”

ติดต่อผู้เชี่ยวชาญและรับสิทธิพิเศษจากไครโอวิวา



    มีความสนใจบริการด้านไหนของไครโอวิวาเป็นพิเศษหรือไม่?

    This site is registered on wpml.org as a development site. Switch to a production site key to remove this banner.