ฝากสเต็มเซลล์เพื่ออนาคตทางสุขภาพของลูกน้อย และทุกคนในครอบครัว
ฝากสเต็มเซลล์…นวัตกรรมเพื่อสุขภาพ ทางเลือกใหม่ในการฟื้นฟูร่างกายจากโรคร้ายและความเสื่อมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยผู้ที่ต้องการฝากสเต็มเซลล์จะต้องเลือกธนาคารสเต็มเซลล์ที่มีมาตรฐานในการจัดเก็บ รับฝาก และเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์เพื่อคงคุณภาพสูงสุดสำหรับการนำมาใช้ในอนาคต
แล้วการฝากสเต็มเซลล์คืออะไร เก็บสเต็มเซลล์ลูกทําไม และเก็บสเต็มเซลล์จําเป็นไหม มีประโยชน์อย่างไร ไปทำความรู้จักกันได้ในบทความนี้
สเต็มเซลล์ “เก็บ 1 ครั้ง ประโยชน์มากกว่า 1 ชีวิต”
หลายคนคงจะเคยได้ยินกันมาบ้างกับคำว่า ‘สเต็มเซลล์’ เซลล์มหัศจรรย์ที่สามารถพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกายของเราได้ตามแหล่งต้นกำเนิดที่แตกต่างกัน จะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถเก็บสเต็มเซลล์กับลูกน้อยแรกคลอดแล้วฝากสเต็มเซลล์เอาไว้ เพื่อสักวันหนึ่งในอนาคตหากเขามีอาการเจ็บป่วยหรือเป็นโรคร้าย จะมีสิ่งที่เป็นเหมือนหลักประกันทางสุขภาพเอาไว้ใช้เมื่อจำเป็น
การเก็บสเต็มเซลล์กับลูกน้อยแรกคลอดและฝากสเต็มเซลล์กับธนาคารสเต็มเซลล์ที่มีมาตรฐาน จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในอนาคตได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาและฟื้นฟูโรคต่าง ๆ ให้กับตัวคุณเอง ลูกน้อย และทุกคนในครอบครัว (ตามแหล่งของเซลล์ต้นกำเนิดที่แตกต่างกัน) รวมไปถึงการใช้ฟื้นฟูความเสื่อม ผิวพรรณ และความงาม ดังนี้
| แหล่งต้นกำเนิดสเต็มเซลล์ | ผู้ที่ได้รับประโยชน์ | ประโยชน์ในการนำไปใช้ |
| สเต็มเซลล์จาก ‘เลือดสายสะดือ’ Cord Blood (CB) | มีประโยชน์ต่อลูกน้อย (เจ้าของสเต็มเซลล์) | ใช้ฟื้นฟูโรคเลือดและระบบภูมิคุ้มกัน โดยใช้ในการฟื้นฟูเซลล์เม็ดเลือดและระดับภูมิคุ้มกันที่ถูกทำลาย กลุ่มโรคมะเร็งเม็ดเลือดทุกชนิดกลุ่มโรคไขกระดูกผิดปกติกลุ่มโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องกลุ่มโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของการสร้างเม็ดเลือดแดงกลุ่มโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบเผาผลาญอาหาร |
| สเต็มเซลล์จาก ‘เนื้อเยื่อสายสะดือ’ Cord Tissue (CT) | มีประโยชน์ต่อลูกน้อย (เจ้าของสเต็มเซลล์) และทุกคนในครอบครัว |
ใช้ฟื้นฟูโรคที่เกี่ยวข้องกับความเสื่อมสภาพ และฟื้นฟูอวัยวะภายในร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้น โรคอัลไซเมอร์โรคกระดูกและข้อโรคเบาหวานเสริมความงามลดริ้วรอยโรคตับแข็งโรคพาร์กินสันโรครูมาตอยด์โรคสะเก็ดเงินโรคออทิสติกโรคจอประสาทตาเสื่อมโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงโรคแพ้ภูมิตัวเองโรคเสื่อมสมรรถภาพโรคระบบประสาท |
| สเต็มเซลล์จาก ‘เนื้อเยื่อหุ้มรก’ Amnion Tissue (AT) | มีประโยชน์ต่อลูกน้อย (เจ้าของสเต็มเซลล์) และทุกคนในครอบครัว | ส่งผลลัพธ์ที่ดีในการใช้ฟื้นฟูโรคทางระบบประสาทและสมอง โรคอัลไซเมอร์โรคพาร์กินสันโรครูมาตอยด์โรคสะเก็ดเงินโรคออทิสติกโรคระบบประสาทโรคหลอดเลือดในสมองโรคสมองพิการอัมพาต เป็นต้น |
เหตุผลว่าทำไมถึงต้องเก็บสเต็มเซลล์กับลูกน้อยตั้งแต่แรกคลอด
หากใครกำลังมีข้อสงสัยว่าเก็บสเต็มเซลล์ลูกทําไม เก็บสเต็มเซลล์จําเป็นไหม ทำไมจึงควรวางแผนเพื่อเก็บสเต็มเซลล์กับลูกน้อยตั้งแต่แรกคลอด เราจะพาทุกคนไปไขข้อสงสัยเหล่านั้น
เหตุผลสำคัญที่ทำให้การเก็บสเต็มเซลล์กับลูกน้อยตั้งแต่แรกคลอดเป็นสิ่งที่สำคัญ นั่นเพราะหากในอนาคตลูกน้อยมีอาการป่วย เป็นโรคร้าย หรือต้องการใช้สเต็มเซลล์เพื่อฟื้นฟูความเสื่อม การขอรับสเต็มเซลล์จากผู้บริจาคนั้นจะเป็นไปได้ยาก เพราะถึงแม้ในประเทศไทยจะมีการรับบริจาคสเต็มเซลล์และฝากสเต็มเซลล์เอาไว้ แต่ใช่ว่าเซลล์ที่มีการบริจาคจะมีเนื้อเยื่อที่เข้ากันและสามารถนำมาใช้ได้อย่างปลอดภัย
ข้อมูลจากสภากาชาดไทยมีการยืนยันว่า โอกาสที่จะพบสเต็มเซลล์ที่มีเนื้อเยื่อตรงกันกับในคนเชื้อชาติเดียวกัน คือ 1 ใน 50,000 ถึง 100,000 คน ซึ่งในปัจจุบันสถิติได้บ่งบอกว่าเราจะสามารถพบสเต็มเซลล์ที่มีเนื้อเยื่อตรงกันได้ยากยิ่งขึ้นเป็น 1 ใน 50,000,000 คน นั่นเป็นเพราะเหตุผลต่าง ๆ ได้แก่
- ความต้องการในการใช้สเต็มเซลล์เพิ่มสูงขึ้น
- โอกาสที่เนื้อเยื่อของผู้ป่วยและผู้บริจาคจะมีความเข้ากันน้อยลง จากความหลากหลายและความแตกต่างเรื่องเชื้อชาติ
- ขั้นตอนการบริจาคสเต็มเซลล์อาจมีความเสี่ยง ทำให้มีผู้บริจาคลดน้อยลง
- ใช้ระยะเวลาในการบริจาคที่ยาวนาน อาจได้รับสเต็มเซลล์มารักษาไม่ทันท่วงที
นอกจากนี้ในบางครั้งเรายังไม่สามารถตรวจสอบได้ถึงประวัติครอบครัวของผู้บริจาคว่ามีโรคประจำตัวหรือโรคติดต่ออะไรบ้าง ทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าสเต็มเซลล์ที่ได้รับนั้นอันตรายหรือไม่อีกด้วย
ด้วยเหตุนี้เราจึงแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ โดยเฉพาะผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ วางแผนจัดเก็บสเต็มเซลล์กับลูกน้อยตั้งแต่แรกคลอด เพื่อให้พวกเขามีหลักประกันทางสุขภาพที่สามารถนำมาใช้ฟื้นฟูโรคร้ายและความเสื่อมต่าง ๆ ได้ในอนาคตนั่นเอง
กระบวนการฝากสเต็มเซลล์ ภายหลังจากการจัดเก็บสเต็มเซลล์
เมื่อจัดเก็บสเต็มเซลล์เรียบร้อยแล้ว หลายคนอาจจะยังมีข้อสงสัยว่าแล้วการฝากสเต็มเซลล์คืออะไร? เราขออธิบายว่า การฝากสเต็มเซลล์คือการให้ธนาคารสเต็มเซลล์นำสเต็มเซลล์ที่ได้จากการจัดเก็บสเต็มเซลล์กับลูกน้อยแรกคลอดเข้าสู่ห้องปฏิบัติการเพื่อทำการเพาะเลี้ยงและเก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิที่เหมาะสม หากมีความจำเป็นต้องนำสเต็มเซลล์เหล่านั้นมาใช้ในอนาคต ลูกน้อยจะได้รับเซลล์ที่มีความสมบูรณ์และมีคุณภาพมากที่สุด
โดยกระบวนการฝากสเต็มเซลล์เพื่อนำไปเพาะเลี้ยงและเก็บรักษาไว้นั้นจะครอบคลุมถึงส่วนต่าง ๆ คือ
- การเก็บรักษาและควบคุมอุณหภูมิ
- การควบคุมให้ปลอดเชื้อ
- ระบบระบุตัวตนของเจ้าของสเต็มเซลล์เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการนำไปใช้
- การตรวจสอบและเพาะเลี้ยงเซลล์ด้วยอุปกรณ์และน้ำยาที่มีคุณภาพ
- การใช้น้ำยารักษาความมีชีวิตของเซลล์
- การตรวจสอบเชื้อโรค เชื้อไวรัส และตรวจสอบคุณภาพของเซลล์
ซึ่งในกระบวนการฝากสเต็มเซลล์ คุณพ่อคุณแม่จำเป็นจะต้องเลือกธนาคารสเต็มเซลล์ที่มีมาตรฐาน AABB (Association for the Advancement of Blood & Biotherapies) เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการนำมาใช้นั่นเอง
รวมคำถามเกี่ยวกับการเก็บสเต็มเซลล์และฝากสเต็มเซลล์
เมื่อรู้กันแล้วว่าเก็บสเต็มเซลล์ลูกทําไม เก็บสเต็มเซลล์จําเป็นไหม และฝากสเต็มเซลล์คืออะไร? หากคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังวางแผนการเก็บเซลล์ต้นกำเนิดหรือมองหาหลักประกันทางสุขภาพในอนาคตให้กับลูกน้อย ยังมีข้อสงสัยเพิ่มเติม เราจะมาตอบคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการเก็บสเต็มเซลล์ไปพร้อม ๆ กัน
เลือกเก็บสเต็มเซลล์และฝากสเต็มเซลล์ที่ไหนดี
การเลือกธนาคารสเต็มเซลล์จะต้องพิจารณาจากมาตรฐานการดำเนินการและกระบวนการต่าง ๆ ว่ามีความน่าเชื่อถือและมีความปลอดภัยหรือไม่ ซึ่งสิ่งที่ต้องคำนึงถึงโดยหลักคือ
- มาตรฐาน AABB (Association for the Advancement of Blood & Biotherapies)
- มาตรฐาน European Society Quality Research (ESQR)
นอกจากนี้เรายังสามารถพิจารณาจากรางวัลต่าง ๆ ที่ธนาคารสเต็มเซลล์เคยได้รับ เช่น รางวัล Bioprocessing Excellence in Cell Banking , รางวัล Best Mesenchymal Stem Cells Therapy of the Year in South East Asia Region และ รางวัล Asia’s Most Inspiring Executives จาก The Asia Corporate Excellence & Sustainability Awards (ACES) เป็นต้น
เก็บเซลล์ต้นกำเนิดเมื่อไหร่ดีที่สุด
เราขอแนะนำให้วางแผนเก็บสเต็มเซลล์กับลูกน้อยตั้งแต่แรกคลอดและฝากสเต็มเซลล์เอาไว้ เพราะโอกาสในการพบสเต็มเซลล์ที่มีความเข้ากันได้จากผู้บริจาคทั่วไป มีเพียง 1 ใน 50,000 – 100,000 คน และหากครอบครัวมีความหลากหลายทางเชื้อชาติโอกาสจะมีโอกาสค้นพบเพียง 1 ใน 50,000,000 คนเท่านั้น
เก็บสเต็มเซลล์เจ็บไหม มีผลข้างเคียงหรือเปล่า
จากที่ทุกคนได้รู้กันแล้วว่าเก็บสเต็มเซลล์ลูกทําไม เก็บสเต็มเซลล์จําเป็นไหม และฝากสเต็มเซลล์คืออะไร หากใครที่เป็นกังวลถึงความปลอดภัยและกลัวผลข้างเคียงจากการจัดเก็บสเต็มเซลล์ เรายืนยันได้ว่าในการเก็บสเต็มเซลล์กับลูกน้อยแรกคลอดนั้นเป็นการดำเนินการที่ปลอดภัย และไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ต่อทั้งคุณแม่และลูกน้อย หากเลือกจัดเก็บกับธนาคารสเต็มเซลล์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน AABB (Association for the Advancement of Blood & Biotherapies) และมีการดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ
ต้องการเก็บสเต็มเซลล์และฝากสเต็มเซลล์ต้องเตรียมตัวอย่างไร
เนื่องจากการฝากสเต็มเซลล์คือการเตรียมความพร้อมให้ลูกน้อยมีหลักประกันทางสุขภาพหากมีอาการเจ็บป่วยในอนาคต หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดสนใจเก็บสเต็มเซลล์และฝากสเต็มเซลล์สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำได้ ดังนี้
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการเก็บสเต็มเซลล์ตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์หรือเริ่มเข้าสู่ช่วงการตั้งครรภ์ เพื่อวางแผนในการเข้ารับการจัดเก็บและสามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มองหาธนาคารสเต็มเซลล์ที่มีมาตรฐาน ดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ และมีความน่าเชื่อถือ
- วางแผนการจัดเก็บสเต็มเซลล์ โดยปรึกษาและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้เชี่ยวชาญของธนาคารสเต็มเซลล์
- เตรียมเอกสารเพื่อการจัดเก็บสเต็มเซลล์และฝากสเต็มเซลล์ให้พร้อม (สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ฉบับ)
- ทำข้อตกลงในการจัดเก็บสเต็มเซลล์และฝากสเต็มเซลล์กับทางธนาคารสเต็มเซลล์
เมื่อทำข้อตกลงเรียบร้อยแล้ว คุณแม่จะได้รับกล่องเก็บสเต็มเซลล์เพื่อนำไปมอบให้กับโรงพยาบาล ณ วันคลอด หลังจากนั้นทางธนาคารสเต็มเซลล์จะมอบใบรับรองการเก็บสเต็มเซลล์และผลตรวจจากห้องปฏิบัติการให้ และหากในอนาคตต้องการใช้สเต็มเซลล์ที่จัดเก็บเอาไว้ ก็สามารถติดต่อทางธนาคารสเต็มเซลล์เพื่อนำออกมาใช้ได้
————————————-
จะเห็นได้ว่าการจัดเก็บสเต็มเซลล์และฝากสเต็มเซลล์นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก หากใครมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเหตุผลว่าเก็บสเต็มเซลล์ลูกทําไม เก็บสเต็มเซลล์จําเป็นไหม ฝากสเต็มเซลล์คืออะไร และคำถามอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บสเต็มเซลล์ สามารถปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญของ Cryoviva ได้เลย
“ไครโอวิวา ธนาคารจัดเก็บสเต็มเซลล์
ผู้นำนวัตกรรมมาตรฐานระดับสากล
อยู่เคียงข้างคุณภาพชีวิตของทุกคนในครอบครัว”
ติดต่อผู้เชี่ยวชาญและรับสิทธิพิเศษจากไครโอวิวา
