Special Blog

สเต็มเซลล์บำบัดคืออะไร มีบทบาทอย่างไรต่อร่างกาย

รู้จักกับสเต็มเซลล์บำบัด เทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า

สเต็มเซลล์บำบัดคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และสเต็มเซลล์รักษาโรคมะเร็งได้จริงหรือไม่ รวมถึงหากต้องการจัดเก็บสเต็มเซลล์เพื่อนำไปใช้ในอนาคตเราจะสามารถจัดเก็บและฉีดสเต็มเซลล์รักษาโรคราคาต่าง ๆ ได้จากที่ไหน วันนี้เราจะพาทุกคนมาร่วมกันหาคำตอบของสิ่งเหล่านี้!

สเต็มเซลล์บำบัดคืออะไร

สเต็มเซลล์บำบัด คือ การจัดเก็บสเต็มเซลล์เพื่อนำมาใช้ฟื้นฟูร่างกาย เสริมสร้างความแข็งแรง และกระตุ้นการซ่อมแซมความเสื่อมต่าง ๆ ของเซลล์ภายในร่างกายของเรา โดยจะต้องทำการจัดเก็บสเต็มเซลล์กับธนาคารสเต็มเซลล์ที่มีมาตรฐานและฉีดสเต็มเซลล์รักษาโรคโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันเรียกได้ว่าการใช้สเต็มเซลล์เป็นส่วนหนึ่งในทางเลือกทางการแพทย์ที่สามารถใช้รักษาและฟื้นฟูสุขภาพของทุกคนในครอบครัวได้เป็นอย่างดี

แต่ใช่ว่าเราจะสามารถใช้สเต็มเซลล์ของใครก็ได้ในการบำบัดและฟื้นฟูโรค เนื่องจากสเต็มเซลล์ที่นำมาใช้จะต้องมีเนื้อเยื่อที่เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะหาจากผู้บริจาคได้ยาก เพราะโอกาสที่จะค้นพบผู้บริจาคที่มีเนื้อเยื่อเข้ากันกับผู้รับสเต็มเซลล์มีเพียง 1 ใน 50,000 – 100,000 คนเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้เราจึงขอแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังวางแผนที่จะมีบุตร เลือกเก็บสเต็มเซลล์กับลูกน้อยตั้งแต่แรกคลอด เพราะสเต็มเซลล์ที่เก็บกับลูกน้อยนั้นจะมีเนื้อเยื่อที่เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์กับตัวลูกน้อยเอง และยังมีโอกาสสูงถึง 1 ใน 4 ที่จะเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์กับพี่น้องอีกด้วย

บทบาทสำคัญของการใช้ “สเต็มเซลล์” เพื่อการบำบัด

สเต็มเซลล์นั้นมีคุณสมบัติมากมาย ได้แก่

สามารถแบ่งตัวได้อยู่เสมออย่างไม่จำกัด
สามารถพัฒนาเป็นเซลล์อื่น ๆ ได้ เช่น เซลล์เม็ดเลือด เซลล์ผิวหนัง เซลล์เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เซลล์กระดูก และเซลล์ไขมัน
สามารถเข้าไปทดแทนเซลล์เก่าที่เสื่อมสภาพหรือถูกทำลาย

นั่นจึงทำให้การฉีดสเต็มเซลล์รักษาโรคได้ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์และมีบทบาทที่สำคัญทั้งสำหรับการรักษาและฟื้นฟูอาการเจ็บป่วยจากโรคต่าง ๆ ให้กับตัวคุณเอง ลูกน้อย และทุกคนในครอบครัว (ตามแหล่งของเซลล์ต้นกำเนิดที่แตกต่างกัน) อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูความเสื่อม ช่วยในเรื่องของผิวพรรณ ความงาม และยังถูกนำมาใช้ในการทดลองเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพของยาและการรักษาแบบใหม่อย่างยีนบำบัด เพื่อความก้าวหน้าทางการแพทย์ในอนาคตอีกด้วย
ซึ่งบทบาทสำคัญของการใช้สเต็มเซลล์เพื่อการบำบัดนั้นมีความน่าสนใจอย่างไร ไปดูกัน

1. บทบาทของสเต็มเซลล์ “ช่วยในเรื่องของการรักษาและฟื้นฟูโรค”

หลายคนคงจะมีข้อสงสัยว่า สเต็มเซลล์รักษาโรคมะเร็งได้จริงหรือ เราต้องขออธิบายก่อนว่าในปัจจุบันได้มีการศึกษาและพัฒนาการใช้สเต็มเซลล์บำบัดเพื่อนำมาใช้เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ทางเลือกเพื่อการฟื้นฟูผู้ป่วยโรคมะเร็งระบบเลือดให้หายขาด ด้วยการใช้สเต็มเซลล์จากไขกระดูกและสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือของทารกแรกคลอด เนื่องจากได้มีการรับรองทางการแพทย์แล้วว่าการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือหรือการปลูกถ่ายไขกระดูกถือเป็นหนึ่งในแนวทางการฟื้นฟูผู้ป่วยโรคมะเร็งระบบเลือดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีการศึกษาและวิจัยเพื่อนำสเต็มเซลล์รักษาโรคมาใช้ฟื้นฟูผู้ป่วยจากโรคร้ายต่าง ๆ มากมายในอนาคต โดยสเต็มเซลล์จากแหล่งต้นกำเนิดต่าง ๆ จะสามารถฟื้นฟูและบำบัดโรคได้ไม่เหมือนกัน ดังนี้

แหล่งต้นกำเนิดสเต็มเซลล์	โรคที่สามารถรักษาและฟื้นฟู
สเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือ Cord Blood (CB)	สามารถฟื้นฟูโรคเลือดและระบบภูมิคุ้มกัน เป็นสเต็มเซลล์รักษาโรคมะเร็งระบบเลือด และฟื้นฟูโรคได้มากถึง 85 โรค จากกลุ่มโรคต่าง ๆ เหล่านี้ กลุ่มโรคมะเร็งเม็ดเลือดทุกชนิด กลุ่มโรคไขกระดูกผิดปกติ กลุ่มโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง กลุ่มโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของการสร้างเม็ดเลือดแดง กลุ่มโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบเผาผลาญอาหาร
สเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อสายสะดือ Cord Tissue (CT)	มีการนำสเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อสายสะดือมาใช้ฉีดสเต็มเซลล์รักษาโรคเพื่อใช้ในการฟื้นฟูโรคที่เกี่ยวข้องกับความเสื่อมสภาพ และฟื้นฟูอวัยวะภายในร่างกาย ดังนี้ โรคอัลไซเมอร์ โรคกระดูกและข้อ โรคเบาหวาน เสริมความงามลดริ้วรอย โรคตับแข็ง โรคพาร์กินสัน โรครูมาตอยด์ โรคสะเก็ดเงิน โรคออทิสติก โรคจอประสาทตาเสื่อม โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคเสื่อมสมรรถภาพ โรคระบบประสาท
สเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อหุ้มรก Amnion Tissue (AT)	สเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อหุ้มรกเป็นสเต็มเซลล์รักษาโรคที่ใช้ในการฟื้นฟูโรคทางระบบประสาทและสมองได้ เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรครูมาตอยด์ โรคสะเก็ดเงิน โรคออทิสติก โรคระบบประสาท โรคหลอดเลือดในสมอง โรคสมองพิการ อัมพาต เป็นต้น

2. บทบาทของสเต็มเซลล์ “ช่วยในเรื่องของการฟื้นฟูผิวพรรณและความงาม”

นอกจากการฉีดสเต็มเซลล์รักษาโรคราคาต่าง ๆ จะช่วยฟื้นฟูโรคร้ายได้เป็นอย่างดีแล้ว สเต็มเซลล์บำบัดยังส่งผลลัพธ์ที่ดีต่อการฟื้นฟูผิวพรรณและความงามให้กับเราได้อีกด้วย ซึ่งสเต็มเซลล์ที่ช่วยในเรื่องของการฟื้นฟูผิวพรรณและความงามนั่นก็คือ “สเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อไขมัน Adipose (ADSC)” นั่นเอง สเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อไขมัน Adipose (ADSC) ภายในร่างกายของเราสามารถเก็บได้จากต้นขา ต้นแขน และหน้าท้อง และมีสิ่งสำคัญที่ต้องรู้ก่อนการเข้ารับการฉีดสเต็มเซลล์เพื่อความงาม นั่นก็คือการฉีดสเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อไขมันเข้าสู่ร่างกายเพื่อใช้ในการฟื้นฟูผิวพรรณและความงามนั้น จะต้องใช้สเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อไขมัน Adipose (ADSC) ของตัวเองเท่านั้น เพราะหากใช้สเต็มเซลล์ของผู้อื่นอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่าง ๆ ดังนี้ – มีความเสี่ยงที่เนื้อเยื่อจะไม่ตรงกัน – มีความเสี่ยงที่เซลล์จะกลายพันธุ์ – มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบข้างเคียงอื่น ๆ ที่ไม่พึงประสงค์ตามมาในอนาคต

สเต็มเซลล์บำบัดช่วยฟื้นฟูผิวพรรณและความงามได้อย่างไร

สเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อไขมัน Adipose (ADSC) สามารถพัฒนาและเติบโตไปเป็นเซลล์เนื้อเยื่อบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายได้ ทำให้เซลล์ที่เสื่อมสภาพจะได้รับการฟื้นฟู ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ช่วยลดเลือนริ้วรอย ฟื้นฟูให้ผิวหนังเปล่งปลั่งสดใส เข้าไปเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวหนังชั้นหนังแท้ กระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนได้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ช่วยเพิ่มเซลล์ไฟโบรบลาสต์หรือเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินให้กับผิวหนังได้อีกด้วย นอกจากทางด้านความงาม สเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อไขมัน Adipose (ADSC) ยังเป็นสเต็มเซลล์รักษาโรคที่สามารถฟื้นฟูผู้ป่วยโรคที่เกี่ยวข้องกับความเสื่อมได้ ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง การฟื้นฟูข้อเข่าและข้อต่อเสื่อมจากการที่น้ำในข้อเข่าน้อยจนมีสภาวะข้อเข่าอักเสบ การฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายจากความเสื่อมต่าง ๆ และการฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้น

จัดเก็บและฉีดสเต็มเซลล์รักษาโรคราคาคุ้มค่าที่ไหนดี เรามีคำตอบ

เมื่อรู้ถึงความหมายของสเต็มเซลล์บำบัดและประโยชน์ของการฉีดสเต็มเซลล์รักษาโรคกันเรียบร้อยแล้ว หากใครสนใจจัดเก็บสเต็มเซลล์เพื่อนำสเต็มเซลล์รักษาโรคมะเร็งและฟื้นฟูร่างกายจากโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเสื่อมในอนาคต เราขอแนะนำให้ทุกคนเลือกธนาคารสเต็มเซลล์ที่มีความคุ้มค่า มีความปลอดภัย และมีความน่าเชื่อถือ ด้วยวิธีการเลือกธนาคารสเต็มเซลล์เพื่อการจัดเก็บสเต็มเซลล์อย่างปลอดภัยที่เราได้รวบรวมมา ดังนี้

รวมวิธีเลือกธนาคารสเต็มเซลล์เพื่อการจัดเก็บสเต็มเซลล์อย่างปลอดภัย

การเลือกธนาคารสเต็มเซลล์อย่างปลอดภัยและมีคุณภาพ เราจะต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้

1. พิจารณาถึงมาตรฐานของธนาคารสเต็มเซลล์

การเลือกธนาคารจัดเก็บสเต็มเซลล์เพื่อนำสเต็มเซลล์บำบัดไปใช้ในอนาคตอย่างมีคุณภาพและมีความปลอดภัย เราจะต้องคำนึงถึงมาตรฐานและความปลอดภัยสูงสุดของทางธนาคาร เพื่อยืนยันถึงความน่าเชื่อถือและการันตีได้ว่าสเต็มเซลล์ที่จัดเก็บนั้นจะไม่ถูกนำไปใช้กับผู้อื่นและไม่ถูกนำไปใช้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์อื่น ๆ ที่เราไม่ต้องการ ซึ่งธนาคารสเต็มเซลล์ที่ดีจะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานต่าง ๆ ดังนี้ – มาตรฐาน AABB (Association for the Advancement of Blood & Biotherapies) – มาตรฐาน ESQR (European Society for Quality Research)

2. พิจารณาถึงรางวัลที่ทางธนาคารสเต็มเซลล์เคยได้รับ

รางวัลต่าง ๆ ที่ทางธนาคารสเต็มเซลล์เคยได้รับตลอดการดำเนินการเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยยืนยันความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดี ก่อนการเลือกธนาคารเพื่อจัดเก็บสเต็มเซลล์และฉีดสเต็มเซลล์รักษาโรคราคาต่าง ๆ เราจึงควรพิจารณาถึงรางวัลต่าง ๆ เช่น – รางวัล Best Mesenchymal Stem Cells Therapy of the Year in South East Asia Region – รางวัล Asia’s Most Inspiring Executives จาก The Asia Corporate Excellence & Sustainability Awards (ACES) – รางวัล Bioprocessing Excellence in Cell Banking เป็นต้น

3. พิจารณาถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดเก็บและเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์

เมื่อพิจารณาถึงมาตรฐานและรางวัลที่การันตีถึงความน่าเชื่อถือของธนาคารสเต็มเซลล์เรียบร้อยแล้ว เราจะต้องสอบถามทางธนาคารสเต็มเซลล์ถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดเก็บและเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีที่ต่างกันก็จะให้ผลลัพธ์และคุณภาพของสเต็มเซลล์ที่จะนำไปใช้ในการทำสเต็มเซลล์บำบัดที่แตกต่างกัน โดยเราแนะนำให้เลือกธนาคารสเต็มเซลล์ที่มีการใช้เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์แบบ “Explant Technology” เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่จะเพาะเลี้ยงให้เซลล์เติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ได้รับเซลล์ที่มีคุณภาพมากกว่าการเพาะเซลล์แบบเดิม ๆ อย่าง Enzymatic

4. พิจารณาถึงกระบวนการและขั้นตอนการจัดเก็บสเต็มเซลล์

สำหรับสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกธนาคารสเต็มเซลล์เพื่อจัดเก็บสเต็มเซลล์และฉีดสเต็มเซลล์รักษาโรคในข้อสุดท้าย คือการพิจารณาถึงกระบวนการและขั้นตอนการจัดเก็บสเต็มเซลล์ว่ามีการดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญหรือไม่ ระบบที่ใช้ในการจัดเก็บน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด ระบบการขนส่งปลอดภัยหรือไม่ และจำนวนรอบของการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์อยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งธนาคารสเต็มเซลล์ที่ดี จะต้องมีกระบวนการและขั้นตอนการจัดเก็บสเต็มเซลล์ ดังนี้ – ดำเนินการจัดเก็บสเต็มเซลล์โดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น – มีระบบการระบุตัวตนด้วย PRIMARY ID BARCODE เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการนำไปใช้ – ใช้ระบบการจัดเก็บอัจฉริยะ Artificial intelligence หรือ AI Technology ที่มีการควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ที่ -196 องศาเซลเซียส – ใช้ระบบการจัดเก็บที่สามารถควบคุมและติดตามบันทึกระดับอุณหภูมิ ความชื้นและระดับน้ำยาได้ตลอด 24 ชั่วโมง – ใช้ระบบการจัดเก็บที่มีระบบเติม Liquid Nitrogen อัตโนมัติหากอุณหภูมิลดต่ำกว่าเกณฑ์ – มีการควบคุมอุณหภูมิและเวลาในการขนส่งอีกด้วย – จำกัดจำนวนรอบในการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์อยู่ที่ไม่เกิน 3 ครั้ง

จะเห็นได้ว่าสเต็มเซลล์เป็น “เซลล์มหัศจรรย์” ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้มากมาย และถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีการศึกษาวิจัยแล้วพบว่าสเต็มเซลล์สามารถรักษาโรคได้มากถึง 85 โรค แต่ด้วยความมุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการใช้สเต็มเซลล์บำบัดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในอนาคตมีแนวโน้มว่าสเต็มเซลล์จะสามารถรักษาโรคได้มากขึ้น และอาจสามารถรักษาโรคได้มากกว่า 100 โรค การจัดเก็บสเต็มเซลล์จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ ที่คุณสามารถจัดเก็บไว้เพื่อวางแผนการใช้ชีวิตหรือวางแผนการรักษาโรคของคุณ ลูกน้อย และทุกคนในครอบครัวได้นั่นเอง

นี่เป็นเพียงเรื่องราวที่น่าสนใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับสเต็มเซลล์บำบัดเท่านั้น หากใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้สเต็มเซลล์รักษาโรคมะเร็งระบบเลือดและฟื้นฟูอาการป่วยจากโรคต่าง ๆ สามารถติดต่อสอบถามหรือติดตามบทความดี ๆ เกี่ยวกับการใช้สเต็มเซลล์รักษาโรค จากทาง Cryoviva ได้เลย เราพร้อมแนะนำทุกท่านและมอบบริการที่ดีที่สุดเพื่ออนาคตทางสุขภาพของคุณ ลูกน้อย และทุกคนในครอบครัว

See other

“ไครโอวิวา ธนาคารจัดเก็บสเต็มเซลล์
ผู้นำนวัตกรรมมาตรฐานระดับสากล
อยู่เคียงข้างคุณภาพชีวิตของทุกคนในครอบครัว”

ติดต่อผู้เชี่ยวชาญและรับสิทธิพิเศษจากไครโอวิวา

Cookie	Duration	Description
cookielawinfo-checkbox-analytics	11 months	This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics".
cookielawinfo-checkbox-functional	11 months	The cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional".
cookielawinfo-checkbox-necessary	11 months	This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary".
cookielawinfo-checkbox-others	11 months	This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other.
cookielawinfo-checkbox-performance	11 months	This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance".
viewed_cookie_policy	11 months	The cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data.